ปัญหาริ้วรอยร่องแก้มลึก เป็นจุดที่เห็นได้ชัด และ บ่งบอกถึงอายุที่มากขึ้น บางเคสทำให้ดูแก่ก่อนวัย ส่งผลให้เจ้าของใบหน้าสูญเสียความมั่นใจ ปัจจุบันสามารถแก้ได้ง่าย ๆ ด้วยการ “ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม”
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คืออะไร ?
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ การฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic acid เข้าไปเติมเต็มใต้ผิวหนังบริเวณร่องแก้ม โดยฟิลเลอร์จะทำหน้าที่ช่วยกักเก็บน้ำไว้ในชั้นใต้ผิวหนัง และเติมเต็มในส่วนที่ยุบตัวลง ช่วยปรับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ สดใสไม่โทรม ที่สำคัญสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันหลังทำ ไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้น มีความปลอดภัยสูงเมื่อฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์
ร่องแก้มลึก เกิดจากสาเหตุอะไร ?
ปัญหาร่องแก้มลึกเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยมักจะลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป หรือ ช่วงวัย 30 ปีขึ้นไป ทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย โดยมีปัจจัยหลัก ๆ คือ
- จากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา มักพบในคนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป โดยมีการยุบของกระดูกใต้ตาค่อนข้างมาก ทำให้เนื้อแก้มด้านบนหย่อนลงมากองที่เหนือร่องแก้ม ทำให้ร่องแก้มดูลึก สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มและฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา โดยฉีดยกผิวในชั้นกระดูกเพื่อดึงโครงสร้างผิวโดยรวมทั้งหมด
- จากการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มโดยตรง มักพบในคนที่อายุ 20-30 ปี ซึ่งร่องแก้มยังไม่ลึกมาก และกระดูกใต้ตายังยุบตัวลงไม่มาก สามารถแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์แก้มเพียงอย่างเดียว โดยฉีดลงในชั้นกระดูกใต้กล้ามเนื้อ และฉีดในจุดที่ต่ำกว่าร่องแก้มเล็กน้อย ไม่ใช่ฉีดที่ร่องแก้มโดยตรง เพื่อป้องกันการดึงของกล้ามเนื้อ
- ร่องแก้มที่เกิดจากยิ้มบ่อย ๆ จนกล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป การเติมฟิลเลอร์เทคนิค Myomodulation ฉีดหนุน หรือ ฉีดกดกล้ามเนื้อ จะสามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้บางส่วน จะช่วยให้ร่องแก้มตื้น ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- เกิดจากผิวแห้ง หรือ ตากแดดบ่อย ทำให้ชั้นผิวบางลง เกิดรอยพับได้ง่าย สามารถใช้ฟิลเลอร์เติมความชุ่มชื้นลงในชั้นผิวหนัง โดยเลือกใช้ฟิลเลอร์โมเลกุลเล็ก เพื่อให้เรียบเนียนไปกับผิวไม่เป็นก้อน เก็บรายละเอียดในผิวชั้นตื้นได้ดี
- การสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ลดลง เมื่อมีอายุมากขึ้น ทำให้ผิวและไขมันบนใบหน้าหย่อนคล้อยลงมากองกันอยู่ด้านล่าง
- การจัดฟัน ในบางคนหลังจากจัดฟันจะทำให้ลักษณะกระดูกโครงหน้าบริเวณรอบปากเปลี่ยนไป ลักษณะของกระดูกจะงุ้มเข้า ทำให้เกิดปัญหาร่องแก้มได้ถึงแม้จะอายุไม่เยอะ
ในบางคนอาจมีข้อสงสัยว่า มีปัญหาร่องแก้มลึกแต่ทำไมแพทย์ถึงใช้การเติมฟิลเลอร์บริเวณหน้าแก้ม หรือฟิลเลอร์แก้มส้มร่วมด้วย เพราะผิวที่หย่อนบริเวณหน้าแก้มส่งผลให้เกิดรอยพับร่องแก้มได้ แพทย์จึงใช้เทคนิคการแก้ปัญหาจากการเติมฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาเพื่อยกกระชับผิวขึ้นไป ร่องแก้มที่ลึกจะดูตื้นขึ้น ทำให้ในการเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์น้อยลง แต่ถ้าใช้ฟิลเลอร์เติมร่องแก้มอย่างเดียวจะต้องใช้ฟิลเลอร์จำนวนมาก และอาจทำให้เป็นก้อน ใบหน้าดูอ้วนขึ้นกว่าเดิม
ใครที่เหมาะกับฟิลเลอร์ร่องแก้ม ?
เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม มีร่องแก้มลึก ทำให้ขาดความมั่นใจ อยากให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย หน้าไม่โทรม ไม่ต้องการผ่าตัดร่องแก้มที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน และต้องการเห็นผลทันที เกิดอาการบวมช้ำน้อย ใช้ชีวิตได้ตามปกติทันทีหลังทำ
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มไม่ได้น่ากลัวหรืออันตรายอย่างที่หลายคนคิด หากฉีดด้วยฟิลเลอร์ที่ได้รับมาตรฐาน สลายได้เองตามธรรมชาติ โดยต้องเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ สามารถบอกถึงปัญหาผิวหน้าของคนไข้ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้การดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ตามคำแนะนำของแพทย์ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มนั้นออกมาดี สวยเป็นธรรมชาติ
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะช่วยให้ใบหน้ากลับมาดูอ่อนกว่าวัย การมีร่องแก้มทำให้ใบหน้าดูมีอายุ เป็นเรื่องที่น่ากังวล
- ฟิลเลอร์ร่องแก้มช่วยชะลอวัย ใบหน้าดูเด็กลงหลังฉีด
- ร่องแก้มที่ลึกดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูยกกระชับ
- ผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ชุ่มชื้นขึ้น ฟิลเลอร์ช่วยกักเก็บน้ำ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ช่วยลดริ้วรอยเล็กๆ บริเวณร่องแก้มให้ผิวตึง เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
- หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มสามารถเห็นผลทันที และเห็นผลชัดเจนใน 7-14 วัน
- การฉีดฟิลเลอร์แท้(HA) มีความปลอดภัย และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผล ไม่มีรอยแผลเป็น
- ฟิลเลอร์สามารถสลายหมด โดยไม่มีสารตกค้าง
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มใช้กี่ CC ?
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มโดยทั่วไปแล้วถ้ามีปัญหาไม่มากใช้ฟิลเลอร์ 1-2 CC ก็เพียงพอแล้วครับ แต่บางเคสที่อายุเยอะ ๆ (50 ปีขึ้นไป) ปัญหาร่องแก้มลึกเกิดจากหลายปัจจัยครับ จึงต้องใช้ฟิลเลอร์จำนวนหลาย cc บางเคสใช้ 3-4 cc ครับและอาจจะต้องทำ Hifu หรือร้อยไหมร่วมด้วย เพื่อให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น
เหมาะกับวิธีการใด ควรดูสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาร่องแก้ม อย่างเช่น การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะช่วยเติมเต็มแก้มให้ตื้นและแก้ปัญหาในชั้นที่มีกระดูกทรุดตัวยุบตัวลงโดยที่การร้อยไหมไม่สามารถทำได้ ฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย หากใช้ฟิลเลอร์แท้ ฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง และฉีดในคลินิกที่ได้มาตรฐานสะอาดปลอดเชื้อ ประสบการณ์ของแพทย์มีส่วนสำคัญในความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ต้องไม่ฉีดโดนเส้นเลือดที่สำคัญ โดยบริเวณร่องแก้มจะมีเส้นเลือดใหญ่ที่เรียกว่า facial Artery ต่อกับ Angular Artery ที่เป็นเส้นเลือดที่ต่อและเลี้ยงไปบริเวณในลูกตา ดังนั้นการฉีดจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าแพทย์มีประสบการณ์มากพอจะมีความรู้ด้านกายวิภาคบนใบหน้าเป็นอย่างดี ลดความเสี่ยงในข้อผิดพลาดต่าง ๆ ได้
ในส่วนของความอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ ส่วนใหญ่จะมาจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีอยู่ หากคนไข้ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วอยู่ได้ถาวร นาน ๆ หลาย ๆ ปี เบื้องต้นหมอให้สันนิษฐานว่าอาจเป็นฟิลเลอร์ปลอม ประเภทซิลิโคนเหลว น้ำมันพาราฟิน ซึ่งไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติและมีความอันตรายสูง ถ้าอยู่ใต้ผิวหนังนานจนเกินไป อาจจะมีการเคลื่อนตำแหน่งไปยังจุดอื่น ๆ บนใบหน้า หรือจับตัวเป็นก้อนบวม เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ เกิดการเน่า ไหล ใบหน้าผิดรูปได้
วิธีการดูฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัย
เพื่อความปลอดภัย ควรฉีดฟิลเลอร์แท้ (HA) ที่สามารถย่อยสลายได้เอง 100% ภายในระยะเวลา 1-2 ปี และต้องเลือกยี่ห้อที่ได้มาตรฐานผ่าน อย.เท่านั้น ตัวอย่างวิธีดูฟิลเลอร์
- กล่องต้องปิดผนึกเรียบร้อย ที่กล่องมีรอยปรุที่ต้องทำการฉีกออกก่อน จึงจะสามารถเปิดกล่องได้
- มีราคาระบุ มีวันหมดอายุชัดเจน
- มีป้ายภาษาไทยที่ข้างกล่อง และภายในกล่องจะมีเอกสารกำกับเป็นภาษาไทยบรรจุอยู่
- มีสติ๊กเกอร์ โมโนแกรม แปะอยู่บนตัวกล่อง
- มีเลขล็อตสินค้า (lot number) ติดอยู่ โดยที่ระบุตรงกันทั้ง 2 จุด
- เลข lot. ที่ข้างกล่อง
- เลข lot. ที่หลอด
“ฟิลเลอร์เป็นสารควบคุม ต้องเก็บรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาคุณภาพ และโดยปกติแพทย์จะไม่ยอมฉีดสารที่คนไข้นำมาเองเด็ดขาดครับ เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ และป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น”
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม vs ร้อยไหมก้างปลา ดึงร่องแก้ม ต่างกันยังไง ?
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม และ การร้อยไหมก้างปลาดึงร่องแก้ม มีเป้าหมายในการทำหัตถการคล้าย ๆ กันคือ ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนกว่าวัยขึ้น แต่ทั้ง 2 หัตถการจะมีความเหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
สาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างกระดูกที่ยุบตัวลงตามไว จำเป็นต้องแก้ไขโดยการเติมเต็มโดยใช้ฟิลเลอร์เพื่อให้ร่องลึกนั้นดูตื้นขึ้น ดังนั้นหากกังวลปัญหาร่องแก้มลึก การเติมฟิลเลอร์จะเป็นการแก้ปัญหาได้ดีและปลอดภัย
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยเติมเต็มร่องแก้มลึก และส่วนที่มีการยุบตัวของกระดูก
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม สามารถแก้ปัญหาร่องแก้มลึกได้โดยตรง จากหลายสาเหตุ
- มีเทคนิคฉีดไล่ตั้งแต่เส้นของร่องแก้มบริเวณปากไล่ขึ้นมา จะช่วยยกมุมปากขึ้นได้ด้วย
- หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เห็นผลทันที และได้ผลที่เป็นธรรมชาติ
ร้อยไหมก้างปลา ร่องแก้ม
การร้อยไหมจะร้อยใต้ชั้นผิวถึงชั้น SMAS ดึงช่วงผิวที่หย่อนที่ทำให้เกิดเป็นรอยพับร่องแก้มขึ้นไปได้ แต่จะช่วยร่องแก้มที่โบ๋ลึกได้ไม่มาก ถึงแม้จะใช้ไหมจำนวนหลายๆ เส้น
- ในเคสที่แก้มตอบบางคน สามารถใช้ไหมดึงไขมันขึ้นมาเติมแก้มได้ ต้องมีเนื้อแก้มส่วนล่างให้ดึงนะครับ ถ้าไม่มีเนื้อก็ต้องใช้ฟิลเลอร์
- การร้อยไหมดึงร่องแก้ม อาจช่วยเสริมเล็กน้อยในผิวชั้นตื้นเท่านั้น
- ถ้าร้อยไหมเงี่ยงก้างปลาดึงร่องแก้มโดยตรงจะทำให้เนื้อขึ้นไปกองที่โหนกแก้มบวมไม่สวย ไม่เป็นธรรมชาติ
- ถ้าใช้ไหมเรียบเติมเต็มร่องแก้มก็ต้องร้อยซ้อนกันหลายๆ เส้นในจุดเดียวกัน จะเกิด elastin จะทับกับเป็นพังผืดแข็งและไม่เต็มครับ
การเตรียมตัว ก่อน ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
การที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดี ฉีดฟิลเลอร์อย่างปลอดภัย การศึกษาข้อมูลล่วงหน้าก่อนไปฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญ
- หาข้อมูลคลินิกที่มีมาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์ หรือ สอบถามจากคนใกล้ชิดที่เคยทำมาก่อน
- งดวิตามิน อาหารเสริม คอลลาเจน สมุนไพรที่ทาน เป็นประจำ ก่อนมาทำ 1 สัปดาห์
- งดทานยากลุ่ม NSAIDs เช่น แอสไพริน หรือยา ที่ทำให้เลือดออกง่าย เลือดหยุดไหลยาก
- งดแอลกอฮอล์ก่อนมาทำ 1 วัน เพื่อไม่ให้เลือดออกเยอะและลดการบวมช้ำอักเสบหลังทำได้
ข้อควรปฎิบัติ หลัง ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- อาจมีอาการบวมแดงในจุดที่ฉีด แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 7-14 วัน
- หลังฉีดคลินิกจะมีการจ่ายยาแก้ปวดและลดบวมให้
- เลี่ยงการแต่งหน้า 1 วัน หลังฉีดฟิลเลอร์เพื่อลดการติดเชื้อ
- อย่าบีบ นวด แกะเกา คลึงบริเวณร่องแก้ม 2 สัปดาห์ ลดการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
- อยู่แต่ในที่อากาศเย็น และ หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม.หลังทำ
- ให้งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด (ควรเว้นอย่างน้อย 1 เดือนหลังทำ)
- อย่าขยับใบหน้าเยอะ โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังทำ อาจจะทำให้ฟิลเลอร์ที่ทำไว้เคลื่อนผิดตำแหน่งได้
- ควรดื่มน้ำเยอะๆ อย่างสม่ำเสมอ ตามปกติ คือ วันละ 1.5-2 ลิตร เพราะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน
- งดออกกำลังกายอย่างหนักหลังฉีด 1 วัน
- งดแอลกอฮอล์ 2-3 วัน เพื่อลดอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์
อาการที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- ผลข้างเคียงปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ อาการบวม รู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นผลจากตัวฟิลเลอร์ สามารถหายได้เอง ให้งดกด นวด คลึง บริเวณที่ฉีด โดยอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นประมาณ 3-7 วัน และจะหายเป็นปกติ หรือ อาการเขียวช้ำจากรอยเข็มจะหายได้เองประมาณ 1 สัปดาห์
- ผลข้างเคียงที่ไม่ควรเกิดขึ้น ได้แก่ อาการปวด แดง มีการติดเชื้อบริเวณที่ฉีด ผิวหนังบริเวณที่ฉีดมีสีซีด คล้ำ ปวดบริเวณนั้น ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันเส้นเลือด หรือหากมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ เช่น ผิวหนังบวมแดง มีผื่นขึ้น รู้สึกคันบริเวณที่ฉีด แนะนำให้รีบพบแพทย์โดยทันที
