ดูดไขมันด้วยเครื่อง VASER (Liposuction with Vaser)

ดูดไขมันด้วยเครื่อง VASER (Liposuction with Vaser)

การดูดไขมันเฉพาะส่วนและ VASER

เวเซอร์ (VASER ) คือ เทคโนโลยีในการกำจัดไขมันที่มีความปลอดภัยสูง เป็นการดูดไขมัน เฉพาะส่วนเพื่อให้ร่างกายมีสัดส่วนที่กระชับได้รูปมากยิ่งขึ้น หลักการคือ การปล่อยพลังงานคลื่นเสียง (Ultrasound) ในระดับความถี่ที่จะไปทำลายเฉพาะเจาะจงแต่กับเซลล์ไขมันในชั้นไขมันเท่านั้น ทำให้ก้อนไขมันกลายเป็นของเหลว และแพทย์สามารถดูดออกมาจากร่างกายได้โดยง่าย โดยไม่ทำให้เนื้อเยื่อ เส้นเลือด และเซลล์ประสาทบริเวณรอบๆ ได้รับความเสียหาย ช่วยลดการเกิดรอยฟกช้ำและบวมหลังการรักษา ฟื้นตัวได้เร็ว ให้ผลการรักษาที่รวดเร็วและชัดเจนในระยะ 1-2 วันหลังทำ ซึ่ง VASER ได้ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) และประเทศไทย (อย.) ถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย

ข้อแนะนำและผลลัพธ์หลังการดูดไขมันด้วย VASER

หลังการรักษา แพทย์จะแนะนำให้ใช้ผ้ายืดพันบริเวณที่ได้ทำการดูดไขมัน เพื่อช่วยลดการบวม กระชับกล้ามเนื้อ ทำให้แผลหายเร็ว และรูปร่างเข้าที่ได้เร็วขึ้น หลังจากดูดไขมันด้วย VASER ประมาณ 3 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังทำประมาณ 3 – 6 เดือน หลังการดูดไขมันควรงดออกกำลังกายประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นควรออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อในบริเวณที่ดูดไขมันออกมีความแข็งแรงขึ้น ทำให้รูปร่างเพรียวกระชับสมส่วนมากขึ้น

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด

  • แจ้งให้แพทย์ทราบข้อมูลโรคประจำตัว ยาโรคประจำตัว, ประวัติการผ่าตัด, ประวัติการแพ้ยา, ประวัติการแพ้อาหาร (หากมีประวัติการรักษาจากโรงพยาบาล ควรนำมาในวันปรึกษาด้วย) หรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
  • ผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือยาโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการผ่าตัดหรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
  • งดทานวิตามินอาหารเสริมต่าง ๆ ทุกชนิด เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, ใบแปะก๊วย เมล็ดองุ่น โสม ฯลฯ ต้องหยุดยาอย่างน้อย 1 เดือน
  • ควรสระผมให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด และไม่แต่งหน้าในวันผ่าตัด งดใส่คอนแทคเลนส์ในวันผ่าตัด หากมีปัญหาด้านสายตาให้สวมแว่นสายตาแทน
  • งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่าง ๆ บนร่างกายในวันผ่าตัด (หากถอดออกไม่ได้ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ)
  • งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัด เนื่องจากสารที่อยู่ในบุหรี่มีผลลดปริมาณออกซิเจนในเลือดและทำลายเซลล์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล มีผลทำให้เลือดที่จะมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่ผ่าตัดลดลง โดยมีโอกาสให้ผิวหนังที่ผ่าตัดขาดออกซิเจน ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วันก่อนผ่าตัด และต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
  • ก่อนการผ่าตัด คนไข้ต้องทำความสะอาดเล็บมือเล็บเท้าให้สะอาด งดการทาเล็บมือ, เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด
  • เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป และควรทราบว่าหลังผ่าตัดย่อมเกิดการบวมช้ำบริเวณแผล และการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า หรือบริเวณร่างกายที่ทำการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้เวลาในการหายของแผลหรือความเคยชินกับภาพลักษณ์ใหม่

การดูแลหลังผ่าตัด           

  • อาจมีอาการบวมเขียวช้ำได้ประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยไม่ส่งผลกับการใช้ชีวิตประจำวัน
  • วันรุ่งขึ้นสามารถแกะผ้าที่รัดเอาไว้ออกได้ แล้วเปลี่ยนมาใส่ชุด Support แทน ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วง 1 เดือนแรก
  • รับประทานยาติดต่อกันตามแพทย์สั่งอย่าให้ขาด ถ้ามีอาการปวดสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
  • ในช่วง 2-3 วันแรก อาจขยับตัวลำบาก อันเนื่องมาจากอาการปวดหลังดูดไขมัน (อาการจะคล้ายการปวดกล้ามเนื้อ)
  • สามารถพบอาการเจ็บแสบๆ ตึงๆ ที่ผิวได้หลังทำ อาการจะดีขึ้นหลัง 1 เดือน ปกติใน 4-6 เดือน
  • ช่วง 1-3 วันแรก อาจมีน้ำหรือเลือดซึมออกจากแผลได้ถือเป็นเรื่องปกติ ที่สามาถเกิดขึ้นได้
  • เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนหลังดูดไขมันทันที บางรายอาจต้องรออาการบวมยุบตัวลง 2-4 สัปดาห์ขึ้นไป
  • หลังดูดไขมันแล้วผลจะถาวรได้จะต้องมีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
  • สามารถอาบน้ำได้ตามปกติแต่ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำถ้าแผลโดนน้ำให้เช็ดแผลให้แห้ง (แนะนำให้ปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ)
  • งดการออกกำลังกายหรือทำงานหนักที่ทำให้เกิดการกระทบเทือนในบริเวณที่ดูดไขมัน อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
  • ควรใส่ชุดกระชับ Support บริเวณที่ดูดไขมัน โดยถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ควรใส่ติดต่อกันนาน 2-3 เดือน (ถ้ายิ่งใส่นานยิ่งเป็นผลดี)
Top 10 Clinics
Logo