ตำแหน่งดูดไขมัน
ไขมันส่วนไหนลดยากที่สุด ?
ไขมันหน้าท้องและต้นขา เป็นส่วนที่ลดยากที่สุด ถึงแม้จะออกกำลังกายหรือคุมอาหารอย่างหนัก ซึ่งการดูดไขมันเป็นหนึ่งในทางลัดที่ช่วยให้หน้าท้องเรียบ ต้นขาเล็กลง ในเวลาไม่นาน ผลลัพธ์ชัดเจน บางคนเปลี่ยนไซส์จาก XL เป็น L-M ได้เลยก็มีแต่ทำไมบางคน ดูดไขมันหน้าท้องไปแล้ว แต่พุงไม่ยุบ ? ไขมันหน้าท้องประกอบด้วยชั้นไขมันและชั้นกล้ามเนื้อเรียงซ้อนกัน ซึ่งไขมันใต้ชั้นผิวที่เป็นไขมันชั้นตื้นนั้นสามารถดูดไขมันลดพุงได้ แต่ไขมันช่องท้อง (Visceral Fat) ที่อยู่ชั้นในติดกับอวัยวะต่างๆ ไขมันส่วนนี้ไม่สามารถดูดออกได้หากอยากลดไขมันช่องท้อง ต้องควบคุมอาหาร ปรับพฤติกรรมการกินอาหาร และออกกำลังกายแทน ดังนั้นหลังดูดไขมันหน้าท้องไป หน้าท้องบางคนอาจจะยุบลงไม่มาก เพราะอาจจะมีไขมันในช่องท้องอยู่มากนั่นเอง
ดูดไขมันมีกี่วิธี ?
เครื่องดูดไขมันแต่ละแบบต่างกันอย่างไร? ปกติแล้วเรานิยมแบ่งและเรียกวิธีดูดไขมัน ตามชื่อเครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่ใช้มากกว่า เช่น BodyTite Pro, MicroAire PAL, Vaser Liposuction (เวเซอร์), Bodyjet (บอดี้เจ็ท) , smart lipo ซึ่งแต่ละเครื่องก็ถูกออกแบบมาใช้ในวัตถุประสงค์ต่างกัน
- BodyTite Pro (บอดี้ไทท์) เครื่องดูดไขมันมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา ใช้เทคโนโลยีคลื่น Radio Frequency (RF) มีประสิทธิภาพในการสลายไขมันและกระชับผิวได้มากที่สุดถึง 12% เป็นเครื่องเดียวที่มีเซ็นเซอร์ตรวจเช็คอุณหภูมิและมีหน้าจอแสดงอุณหภูมิขณะใช้งาน ป้องกันการเกิดผิวไหม้จากการใช้ความร้อนมากเกินไป ที่เป็นสาเหตุของการเกิดพังผืดหลังดูดไขมัน
-
เครื่อง MicroAire PAL ใช้เทคโนโลยีระบบสั่นสะเทือนในการดูดไขมันออกได้ปริมาณมาก โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิวบริเวณข้างเคียง มีหัว Cannulas (หัวดูดไขมัน) ที่หลากหลายให้เลือกใช้กับแต่ละส่วนได้เหมาะสม อีกทั้งหัวดูดเป็นปลายทู่ ปลอดภัยไม่เสี่ยงผิวทะลุเหมือนหัวดูดปลายแหลมทั่วไป จึงเป็นที่นิยมในหมู่แพทย์ ในสหรัฐอเมริกา
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจเลือก คลินิกดูดไขมัน
ดูดไขมัน เป็นศัลยกรรมความงาม ที่ต้องดูแลโดยแพทย์เฉพาะทาง ที่มีความเชี่ยวชาญในการปรับรูปร่าง และถึงแม้จะเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่หากไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีพอก่อนทำ ก็อาจจะเกิดข้อผิดพลาด ผลแทรกซ้อนหลังทำ หรือเกิดอันตรายได้เช่นกัน มาดูกันว่าเราจะต้องรู้อะไรบ้าง?
-
ประวัติและผลงานของแพทย์
-
ความน่าเชื่อถือและประสบการณ์ของคลินิก
-
ความสะอาดของสถานที่ มีอุปกรณ์ที่ครบครันและทันสมัย
-
เลือกวิธีการดูดไขมันให้เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้ได้ดี
- การบริการหลังการรักษา และความจริงใจต่อลูกค้า ทั้งก่อนและหลังดูดไขมัน
ดูดไขมันอันตรายไหม ?
การดูดไขมันในปัจจุบันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามารองรับการรักษา รวมถึงความสามารถของแพทย์ ซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่าหากเทียบกับการดูดไขมันแบบดั้งเดิม เราสามารถเลือกทำโดยใช้วิธีฉีดยาชา เฉพาะจุด หรือ ดมยาสลบได้ แต่อย่างไรก็ตามการดูดไขมันให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัย จะต้องเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมก่อนทุกครั้ง รวมถึงเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ เปิดให้บริการมายาวนาน เป็นต้น
ดูดไขมัน แบบฉีดยาชาเฉพาะจุด VS ดมยาสลบ ต่างกันอย่างไร ?
1. ดูดไขมันแบบฉีดยาชาเฉพาะจุด
เหมาะกับบริเวณที่มีไขมันน้อยๆ หรือดูดเพียง 1-2 จุด เช่น ดูดไขมันน่อง หรือ ดูดไขมันต้นแขน ทั้ง 2 บริเวณนี้จะมีปริมาณไขมันน้อยกว่าส่วนอื่นๆ แพทย์จึงแนะนำใช้แค่ยาชาก็เพียงพอแล้ว หลายคนมีความกังวลว่า ดูดไขมันใช้ยาชาเจ็บไหม?
2. ดูดไขมันแบบดมยาสลบ
การดมยาสลบ ต้องมีวิสัญญีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด เหมาะกับคนที่ต้องการดูดไขมันหลายส่วนพร้อมกัน หรือดูดเพียง 1 ส่วน แต่มีปริมาณไขมันเยอะ ซึ่งการดูดไขมันด้วยการดมยาสลบ จำเป็นต้องมีวิสัญญีแพทย์ (หมอดมยา) คอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดการรักษา ตั้งแต่ก่อนทำ-ระหว่างทำ-หลังทำ เพื่อความปลอดภัย
สิ่งสำคัญ : วิธีการให้ยาที่ถูกต้องจะต้องคำนวณตามน้ำหนักตัวของคนไข้ และทำโดยแพทย์หรือวิสัญญีแพทย์เท่านั้น เพราะการให้ยาชาคนไข้นั้นมีข้อกำจัดเช่นกัน ในเรื่องของ Over Dose หรือการได้รับยาชาในปริมาณที่มากเกินไปอาจจะทำให้มีอาการเป็นพิษได้
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน
-
งดยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือ ยาตัวอื่นๆ เช่น ยาแอสไพริน ประมาณ 2 อาทิตย์ ก่อนการดูดไขมัน
-
งดสูบบุหรี่ และ เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ 2 อาทิตย์ เนื่องจาก การสูบบุหรี่ทำให้แผลหายช้า และ อาจจะเกิด complication หรือ ผลแทรกซ้อนได้ง่ายกว่าปกติ
-
ควรแจ้งให้แพทย์ หากมีการแพ้ยา หรือ ใช้ยาชนิดใดอยู่ เนื่องจากยาบางชนิด หรือ อาหารเสริมบางชนิด ทำให้เลือดออกง่าย เช่น น้ำมันปลา หรือ น้ำมันตับปลา หรือ วิตามินซี
- หากติดเชื้อ HIV และได้รับยาจน undetectable แล้ว กรุณาสอบถามแพทย์โดยตรง
ขั้นตอนดูดไขมัน
-
ศัลยแพทย์วาดส่วนที่จะทำการดูดไขมันพร้อมใส่ยาชาใต้ผิวด้วยเทคนิค Pure Tumescent
-
หลังยาชาออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว แพทย์จะเริ่มใช้เครื่องละลายไขมันและกระชับผิวก่อน จากนั้นจะใช้เครื่องระบบสั่น ดูดไขมันออก
-
ในกรณีที่มีการดูดไขมัน sexy line , six pack , กล้ามแขน หรือ contouring ต่างๆ แพทย์จะเลือกใช้หัวดูดแบบพิเศษเพื่อดูดไขมันเฉพาะจุด จนเกิดเป็นรูปร่างที่สมส่วน ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ
-
ทำ Fat Equalization เกลี่ยชั้นไขมันใต้ผิวให้เรียบเนียนเสมอกันอีกครั้ง และลดผลแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น การเกิดผิวไม่เรียบ ผิวบุ๋ม หรือผิวเป็นคลื่นหลังการดูดไขมันด้วย
- เย็บแผล และแปะแผ่นซึมซับพร้อมกับใส่ชุดกระชับที่ออกแบบมาเฉพาะทันทีหลังดูดไขมันเสร็จ เพื่อทำให้รูปร่าง-สัดส่วนกระชับและเข้าที่ได้เร็วขึ้น
วิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน
หลังการดูดไขมันเสร็จ พยาบาลจะทำการใส่ชุดกระชับ ทันทีซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก รวมถึงการดูแลหลังดูดไขมันเบื้องต้น เช่น งดการอาบน้ำ 1 วันหลังทำ, หลีกเลี่ยงการโดนแดด เพราะอาจจะทำให้แผลเกิดสีคล้ำ, สามารถออกกำลังกายได้หลังตัดไหม แผลแห้งสนิทแล้ว และงดทานของเค็ม งดสูบบุหรี่ งดแอลกอฮอล์ รวมถึงของหมักดองเพื่อให้แผลหายได้เร็วขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดของการดูแลตัวเองหลังการดูดไขมันที่อยากให้คำนึงถึงมากที่สุด คือ ..
1. การใส่ชุดกระชับหลังดูดไขมัน
เนื่องจากผิวบริเวณที่ดูดไขมันออกจะเกิดช่องว่างและทำให้ผิวหนังยุบตัวลง ประโยชน์ของการใส่ชุดกระชับทันทีจะช่วยทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยกระชับเข้ารูปเร็วขึ้น ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ช่วยลดการบวมช้ำ รวมถึงป้องกันเกิดก้อนไตแข็งๆ ที่เรียกว่า ซีโรม่า (Seroma) ได้
-
ชุดกระชับหลังดูดไขมันใส่นานแค่ไหน ?
ใส่ชุดกระชับเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ใน 3 วันแรกหลังการดูดไขมัน หลังจากนั้นใส่เพียงวันละ 12 ชั่วโมง (เลือกช่วงเวลาเช้าหรือเย็นก็ได้) เป็นเวลาอีก 1 เดือน
-
ดูดไขมัน แต่ไม่ใส่ชุกระชับ จะเป็นอย่างไร ?
สิ่งสำคัญ คือ ต้องใส่ชุดกระชับแขนที่ออกแบบมาสำหรับการดูดไขมันเท่านั้น เพราะมีผลต่อผลลัพธ์หลังทำ หากใส่ชุดกระชับแบบที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด อาจทำให้ผิวบริเวณที่ดูดไขมันเป็นริ้วคลื่นที่เกิดจากการรัดของผ้าที่ไม่ได้มาตรฐานได้
2. นวด RF หลังดูดไขมัน
การใส่ชุดกระชับ ร่วมกับการนวดจะช่วยให้ก้อนซีโรม่าสลายได้เร็วขึ้น ช่วยกระตุ้นการดูดซึมและการไหลเวียนของเหลวในร่างกาย ซึ่งดีกว่ากว่ารอให้สลายไปเองตามธรรมชาติที่ใช้เวลานานหลายเดือน
-
นวดสลายไขมันที่ไหนดี? แนะนำให้หมั่นนวดบริเวณที่ดูดไขมันอย่างสม่ำเสมอเข้ามานวดที่คลินิกได้ในทุกสัปดาห์ ตามระยะเวลาการรักษาที่กำหนดไว้ หรือนวดด้วยตัวเองที่บ้านที่บ้าน เพียงวันละ 10-15 นาที
- ดูดไขมันกี่เดือนเห็นผล หลังดูดไขมันเสร็จจะเห็นความแตกต่างได้ทันที และรูปร่างจะค่อยๆ เฟิร์มกระชับเข้าที่มากขึ้นหลังดูดไขมันไปแล้วประมาณ 1 เดือน – 6 เดือน (ขึ้นอยู่กับแต่ละคน)
ดูดไขมันผู้ชาย ทำได้หรือไม่ ?
การดูดไขมันไม่ได้นิยมในผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายก็สามารถดูดไขมัน ปรับรูปร่าง กระชับสัดส่วนได้เหมือนกัน จุดที่นิยมคือ ดูดไขมันเอว หน้าท้อง ดูดไขมันสร้างซิกแพค รวมถึงดูดไขมันหน้าอก เพื่อรักษาภาวะเต้านมโตในผู้ชาย (Gynecomastia)
1. ดูดไขมันซิกแพค (Six Pack Liposuction) การดูดไขมันซิกแพค มีความซับซ้อนมากกว่าการดูดไขมันส่วนอื่นและทำได้ยากที่สุด เพราะต้องมีการออกแบบและสร้างไลน์กล้ามหน้าท้อง สร้างมิติ (แสงและเงา) ให้ดูเป็นธรรมชาติ การที่ทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์สูง เข้าใจสรีระคนไข้ จะทำให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากที่สุด
2. ดูดไขมันหน้าอกผู้ชาย (Breast Liposuction) ดูดไขมันหน้าอกผู้ชาย เป็นวิธีลดไขมันหน้าอกผู้ชาย ที่ช่วยแก้ปัญหานมแหลมทะลุเสื้อ นมแหลมเหมือนผู้หญิง ทำให้หน้าอกกลับมาเรียบปกติได้ แต่บางครั้งนมแหลมอาจเกิดจากการมีเนื้อเยื่อเต้านมโตร่วมด้วย ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า ภาวะเต้านมโตในผู้ชาย – Gynecomastia (ไกเนโคมาสเตีย) ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเนื้อเยื่อเต้านมออก ผ่านแผลเล็กๆ บริเวณปานนม ไม่ต้องพักฟื้นนาน เพื่อไม่ให้หัวนมพุ่งออกมา หัวนมแบนราบ ใส่เสื้อยืดได้อย่างมั่นใจได้อีกครั้ง
3. ดูดไขมันเอว (Waist Liposuction) ดูดไขมันเอวนิยมทำในกลุ่มผู้ชายที่มีห่วงยางรอบเอว (Love handles) เพราะช่วยลดไขมันส่วนเกิน ทำให้มีเอวเอส เอวคอด โชว์รูปร่างได้อย่างมั่นใจ หรือเหมาะกับคนที่มีรูปร่างทรงตรง ไม่มีเอว เอวตัน หรือเอวหนา ดูดไขมันเอวจะช่วยให้มีเอวในเวลาเร่งด่วน
ดูดไขมันทิ้ง VS ดูดไขมันเติม ต่างกันอย่างไร?
-
ดูดไขมันทิ้ง จุดประสงค์คือ ดูดไขมันออกเพื่อลดสัดส่วน ให้ได้หุ่นที่สวยงาม แพทย์จะเลือกใช้เครื่องดูดไขมันพลังงานความร้อน เช่น BodyTite Pro, Vaser หรือเครื่องระบบสั่น PAL สลายไขมัน กระชับผิว และดูดไขมันออกให้ได้ปริมาณมากที่สุด และการดูดทิ้งเซลล์ไขมันไม่สามารถนำมาใช้ต่อได้เพราะถูกความร้อนสลายและไม่ได้คุณภาพที่ดีพอ
-
ดูดไขมันเติม ก็คือการดูดไขมันเพื่อมาเติมใหม่ ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย วิธีนี้แพทย์จะเลือกใช้เครื่องระบบสั่นอย่าง PAL ในการ ดูดไขมันหน้าท้อง (Belly Liposuction) และ ดูดไขมันต้นขา (Legs and Thighs Liposuction) ออกมาแทนการใช้เครื่องที่มีความร้อน ซึ่งมีข้อดี คือ ระบบสั่นจะช่วยถนอมไขมันที่ดูดออกมาได้ดี เซลล์ไขมันมีชีวิต นำกลับมาเติมเต็มส่วนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไขมันที่ดูดออกไปแล้วสามารถนำกลับมาเติมส่วนไหนได้บ้าง? เช่น เติมไขมันหน้าด้วยไขมันตัวเอง (Fat Grafting)ให้ผลลัพธ์สวยงามเป็นธรรมชาติ ลดอายุผิว ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งช่วยเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วน และคุ้มค่ากว่าการฉีดฟิลเลอร์ หากใช้ในปริมาณมาก ฯลฯ
ข้อดีและข้อเสียของการดูดไขมัน
ข้อดี : หลักๆ เลยก็คือ ลดไขมันและกระชับสัดส่วน ทำให้รูปร่างสมส่วน สร้างความมั่นใจในบุคลิกภาพ และ รักษาโรคบางชนิดได้ รวมถึงแทบจะไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แผลเล็ก และเจ็บน้อย ด้วยความที่มีเครื่องมือ-เทคโนโลยีที่พร้อมและครบครัน
ข้อเสีย : อาจมีรอยแผลเป็นหลังดูดไขมัน อาการบวมช้ำ-ฟกช้ำหลังทำ ผิวไม่เรียบ ผิวเป็นคลื่น เกิดพังผืด-ผิวไหม้หลังดูดไขมันจากการที่แพทย์ใช้ความร้อนสูงเกินไป สิ่งเหล่านี้เราสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยเลือกคลินิกหรือสถานที่ให้บริการที่ได้มาตรฐาน มีใบรับรองต่างๆ อย่างถูกต้อง รวมถึงแพทย์ที่รักษาต้องมีความชำนาญและประสบการณ์สูง