ทำความรู้จัก “เลเซอร์สิว” ทางเลือกรักษาสิวที่ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

Acne Clear Laser เผยผิวใส ไร้รอยสิว

หลายคนคงมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องปัญหาของใบหน้า ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตาม โดยเฉพาะเรื่องของสิว ซึ่งสิวนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคนอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าช่วงวัยรุ่นเราจะหน้าใส ไร้สิว แต่อย่าชะล่าใจไป เพราะเมื่ออายุเพิ่มขึ้น สิวก็อาจจะมาโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งสิวก็เกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตประจำวัน การรับประทานอาหาร ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้ เพราะอาหารก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดสิวได้ และเมื่อไหร่ที่เราตามใจปากมากๆ ก็อาจจะไม่ทันได้คิดถึงโทษของอาหารที่ตามมา ซึ่งอาหารบางจำพวก เมื่อเราบริโภคมากๆ ก็จะทำให้เกิดสิวขึ้นมาบนหน้าได้แบบไม่รู้ตัว แต่ในปัจจุบันมีแนวทางการรักษาสิวที่เหมาะสม ตรงจุด และปลอดภัย โดยอยู่บนฐานการรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่างการเลเซอร์สิว หรือ Acne Clear Laser ซึ่งก็จะให้ผลลัพธ์ดีที่สุด

เลเซอร์สิว คืออะไร ?

เลเซอร์สิว คือ หัตถการรักษาสิวรูปแบบหนึ่งด้วยการใช้แสงเลเซอร์ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.acne ซึ่งเป็นต้นเหตุของสิว รวมถึงช่วยกำจัดไขมันที่อุดตันในรูขุมขนให้หลุดออกไป โดยชนิดของเลเซอร์สิวที่ใช้ก็จะแตกต่างกันออกไปตามปัญหา สภาพผิว และความเหมาะสมของแต่ละบุคคล โดยการเลเซอร์สิวสามารถแบ่งการรักษาออกได้เป็น 4 กลุ่ม ดังนี้

  1. เลเซอร์สิว : รักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ  การรักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผด หรือสิวประเภทอื่น ๆ สามารถรักษาได้โดยใช้เลเซอร์สิว CO2 Laser, Dual Yellow, Omnilux เป็นต้น
  2. เลเซอร์สิว : รักษารอยแดงที่เกิดจากสิว การรักษารอยแดงที่เกิดจากสิวโดยส่วนมากมักใช้เลเซอร์สิวกลุ่มลดรอยแดง เช่น เลเซอร์วีบีม (V-Beam)
  3. เลเซอร์สิว : รักษารอยดำที่เกิดจากสิว การรักษารอยดำที่เกิดจากสิว สามารถใช้เลเซอร์สิวในกลุ่ม Q-Switched หรือ Dual Yellow รักษาให้รอยดำจางลงได้
  4. เลเซอร์สิว : รักษาหลุมสิว แผลเป็นจากสิว การรักษาหลุมสิว และแผลเป็นจากสิว สามารถรักษาให้ตื้นขึ้นและจางลงได้ โดยใช้เลเซอร์ประเภท Pico Laser (Fractional) เป็นต้น

ทำไมถึงเป็นสิว? แล้วสิวเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

  • โดยปกติผิวหนังของคนเราจะมีต่อม หรือ รูขุมขน ที่ประกอบไปด้วยสารต่างๆ อย่างเช่น ต่อมไขมัน รากขน ไขมัน และมีรูเปิดสู่ผิวหนัง ซึ่งผิวหนังก็จะผลิตน้ำมันเพื่อการหล่อลื่นบนผิวหนัง แต่หากมีการผลิตไขมันมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดการอุดตันท่อทางเดินไขมัน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิว
  • ร่างกายสร้างฮอร์โมน Testosterone ทำให้มีการสร้างไขมันเพิ่ม โดยส่วนมากฮอร์โมนจะเริ่มสร้างเมื่ออายุประมาณ 11-14 ปี ดังนั้นจึงพบสิวมากในวัยนี้ และอาจอยู่นานหลายปี
  • เชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะ Propionibacterium acnes ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบของสิว
  • กรรมพันธุ์ของแต่ละบุคคล โดยผู้ที่มีทั้งพ่อและแม่ที่เป็นสิว โอกาสที่ทำให้เกิดสิวกับตัวเองก็มีได้มาก
  • สภาพอากาศ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานร่างกายของแต่ละคน บางคนเป็นสิวมากในช่วงฤดูร้อน หรือเมื่อเจอมลภาวะต่างๆ มากๆ รวมถึงแสงแดดหรือแสงยูวีก็ทำให้เป็นสิวได้ บางคนอาจจะเกิดสิวขึ้นในช่วงฤดูหนาว หรือใครที่ทำงานในออฟฟิศ ซึ่งจะอยู่ห้องแอร์หรือสถานที่ที่อากาศค่อนข้างแห้ง ก็จะทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน
  • กิจวัตรประจำวัน การล้างหน้าหรือล้างเครื่องสำอางไม่สะอาด การใช้ผลิตภัณฑ์ ครีมบำรุงต่างๆ ที่อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว ซึ่งผู้ที่ผิวแห้งหรือแพ้ง่าย ควรระวังผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดสิวเป็นพิเศษ
  • การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาล หรือคาร์โบไฮเดรตสูง การบริโภคนมวัวหรือผลิตภัณฑ์จากนมวัวมากเกินไป ก็จะทำให้อาการของสิวแย่ลงได้

สิวแบบไหนที่เป็น และ พบเจอบ่อยที่สุด?

แม้ว่าสิวจะพบได้บ่อยและมากที่สุดในช่วงวัยรุ่น แต่วัยผู้ใหญ่ก็สามารถพบสิวได้ โดยจะเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย อาการของสิวก็จะแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ ซึ่งก็จะแบ่งตามปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดสิวอีกเช่นกัน เช่น สิวสเตียรอยด์ สิวจากเครื่องสำอางค์ และสิวฮอร์โมน ซึ่งสิวฮอร์โมนจะเกิดในช่วงอายุ 15-22 ปี และสิวอุดตันจะพบบ่อยมากที่สุด เพราะสามารถเกิดได้ทุกวัย ตามด้วยสิวชนิดตุ่มนูนแดง สิวหัวหนอง สิวอักเสบ มีทั้งสิวหัวดำและสิวหัวขาว ซึ่งสิวดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้ แต่มักจะเป็นรอยแผลขนาดเล็กและมีโอกาสที่จะเกิดเป็นรอยดำหรือรอยแดงตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล

เลเซอร์สิวมีกี่แบบ?

เทคโนโลยีเลเซอร์สิว สามารถทำลายเชื้อแบคทีเรีย ต้นเหตุของการเกิดสิว รวมถึงยังช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และช่วยรักษาหลุมสิวได้ ทำให้การรักษาสิวด้วยการเลเซอร์เป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเลเซอร์สิวที่ใช้กันในปัจจุบันมีดังนี้

CO2 Laser

CO2 Laser หรือ เลเซอร์ชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ คือ เลเซอร์สิวที่ใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวกลางทำให้เกิดแสงเลเซอร์ มีความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร พลังงานแสงอินฟราเรดที่ผลิตจากเครื่องเลเซอร์ สามารถทำลายเนื้อเยื่อส่วนเกินให้หลุดออกไปได้ โดยไม่ทำให้เลือดออกหรือทำลายผิวบริเวณรอบข้าง การเลเซอร์สิวด้วย CO2 Laser มักใช้รักษาสิวอุดตันที่รักษาด้วยการทายา หรือรับประทานยาแล้วไม่หาย โดย CO2 Laser จะช่วยทำลายเนื้อเยื่อและทำลายต่อมไขมันบางส่วน ส่งผลให้สิวยุบเร็วขึ้นและป้องกันการเกิดสิวใหม่ รวมถึงลดการเกิดรอยแผลเป็นจากสิว

Omnilux

Omnilux เป็นนวัตกรรมแสงบำบัด (Light Therapy) มีประสิทธิภาพในการเลเซอร์ สิว ฆ่าเชื้อสิว P.Acnes ลดการอักเสบแดง ลดรอยดำรอยแดงจากสิว เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาสิวเรื้อรัง สิวอักเสบ หรือสิวผดผื่น โดยตัวเครื่อง Omnilux จะปล่อยพลังงานแสงแบบเจาะจงไปยังผิวชั้นลึก ประกอบไปด้วยแสงสีน้ำเงิน (Omnilux blue) และแสงสีแดง (Omnilux revive2) มีรายละเอียดดังนี้

  • แสงสีน้ำเงิน (Omnilux blue) ความยาว 415 นาโนเมตร มีประสิทธิภาพในการเลเซอร์สิว ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบของสิว รักษาสิวผดและผิวที่ได้รับความเสียหายจากแสงแดด
  • แสงสีแดง (Omnilux revive 2) ความยาว 633 นาโนเมตร มีประสิทธิภาพช่วยเรื่องการเสริมสร้างคอลลาเจน และซ่อมแซมผิวหนัง (Skin Rejuvenation) ช่วยทำให้การรักษาสิว ลดการอักเสบได้ผลดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นเลเซอร์หน้าใสได้อีกด้วย

Pico Laser

Picosecond Laser หรือ Pico Laser คือ เลเซอร์ที่ช่วยรักษารอยสิว หลุมสิว จุดด่างดำให้ตื้นขึ้นหรือจางลง รวมถึงช่วยลดฝ้า กระ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน กระชับรูขุมขน ทำให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น โดยไม่ทำให้ผิวไหม้ เครื่อง Pico Laser ในปัจจุบันมีหลายแบรนด์ และหลายหัวยิงให้เลือก ขึ้นอยู่กับการใช้งานและรักษาปัญหาต่าง ๆ โดยตัวอย่างเครื่อง Pico Laser ที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองจาก USFDA เช่น PicoSure, PicoPlus, PicoWay เป็นต้น


การรักษาสิวด้วยการทำเลเซอร์สิว หรือ Acne Clear Laser

ปัจจุบันเรื่องของการรักษาสิวถือว่ามีหลากหลายวิธีมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาทาเพื่อรักษาสิว หรือการรับประทานยา การทำเลเซอร์สิว หรือ Acne Clear Laser ซึ่งวิธีการทำเลเซอร์สิว หรือ การทำโปรแกรม Acne Clear Laser จะเป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์เร็วและใช้เวลาในการรักษาไม่นาน ซึ่งก่อนการทำเลเซอร์สิว หรือ Acne Clear Laser แพทย์จะเป็นผู้ประเมิน แนะนำ และให้คำปรึกษาที่เหมาะสมกับคนไข้ เพราะสาเหตุของปัญหาการเกิดสิวแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ก็เพี่อให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่เหมาะสมและดีที่สุดกับคนไข้

ข้อดีของเลเซอร์สิว

  • เลเซอร์สิวสามารถช่วยรักษาสิวอักเสบ สิวอุดตัน
  • ช่วยรักษารอยสิว ลดรอยแผลเป็นให้จางลง รวมถึงร่องลึกจากสิว
  • ช่วยซ่อมแซม และกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนมากขึ้น
  • ช่วยรักษาปัญหาผิวที่เกิดจากความหมองคล้ำ ผิวไหม้จากแสงแดด

ข้อจำกัดของเลเซอร์สิว

  • การเลเซอร์สิวในครั้งแรกไม่สามารถรักษาสิว หรือรอยสิวให้หายไปได้อย่างสมบูรณ์ แต่จะต้องใช้ระยะเวลา และจำนวนครั้งในการรักษากว่าจะเห็นผลชัดเจน สิวและรอยสิวจึงค่อย ๆ จางลง
  • เลเซอร์สิวอาจมีค่าใช้จ่ายสูง ผู้ที่ต้องการเข้ารับการรักษาสิวด้วยการเลเซอร์สิวควรศึกษาสถานรักษา และประวัติแพทย์ที่ทำการรักษาให้ถี่ถ้วน เพื่อประกอบการพิจารณา

เลเซอร์สิวไม่เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือ อยู่ในระหว่างให้นมบุตร
  • ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสีที่ใบหน้า
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเกี่ยวกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง


เตรียมตัวก่อนเลเซอร์สิว

การเตรียมตัวก่อนเลเซอร์สิวจะช่วยลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดก่อนการเลเซอร์สิวได้ เช่น ผิวแห้ง ผิวลอก เป็นต้น โดยมีวิธีปฏิบัติดังนี้

  • หลีกเลี่ยงให้ผิวบริเวณที่ต้องการเลเซอร์สิวเผชิญกับแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของกรด AHA หรือ BHA ประมาณ 1 สัปดาห์
  • งดรับประทานยาแอสไพริน NSAIDs เช่น Ibuprofen, Diclofenac, Ponstan รวมถึงงดวิตามิน St. Johns Wort, Ginkgo biloba, Primrose oil, Garlic, Ginseng, และ Vitamin E เพราะสามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดแข็งตัวช้าในระหว่างการเลเซอร์สิวได้ โดยงดรับประทานประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการเลเซอร์สิว
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์

ขั้นตอนการทำเลเซอร์สิว

ขั้นตอนเลเซอร์สิว และ ระยะเวลาที่ใช้จะขึ้นอยู่กับปัญหาของผู้เข้ารับการรักษา รวมถึงประเภทของเลเซอร์สิวที่ใช้ แต่โดยทั่วไปแล้วขั้นตอนการทำเลเซอร์รักษาสิวมีดังนี้

  1. แพทย์หรือเจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดผิวหน้า หรือบริเวณที่จะเลเซอร์สิวออกให้หมดก่อนยิงเลเซอร์
  2. ทายาชาทิ้งไว้บนหัวสิวประมาณ 45 นาที หรือใช้เจลเย็นประคบบริเวณสิว เพื่อบรรเทาความเจ็บระหว่างการทำเลเซอร์สิว
  3. หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนเลเซอร์สิว โดยแพทย์จะยิงเลเซอร์ไปยังบริเวณที่ต้องการรักษา ใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที
  4. แพทย์จะแนะนำการดูแลตนเองหลังเลเซอร์สิวให้กับคนไข้

การดูแลตัวเองหลังเลเซอร์สิว

สำหรับการดูแลตัวเองหลังจากการทำ Acne Clear Laser โดยส่วนใหญ่ผิวจะเกิดการไวต่อแสงมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 2-3 วันแรก หลังจากการทำโปรแกรม Acne Clear Laser ซึ่งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องหลีกเลี่ยงจากแสงแดดแรงๆ และไม่ควรลืมที่จะทาครีมป้องกันแสงแดด บางรายอาจรู้สึกถึงความแห้งตึงของผิว จึงควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่คงความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง เพื่อให้กระบวนการรักษาสิวนั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุด
จากรายละเอียดข้างต้นนั้น การทำ Acne Clear Laser นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาสิวต่างๆ ได้ดีแล้ว การทำ Acne Clear Laser ยังสามารถช่วยยับยั้งต้นเหตุแห่งการเกิดสิวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เพราะ Acne Clear Laser สามารถช่วยกระชับรูขุมขนและลดความมันของผิวไปได้ในตัว ดังนั้นเมื่อรูขุมขนกระชับ ผิวมันลดลง การอุดตันหรือต้นเหตุของการเกิดสิวก็จะน้อยลงตามไปด้วย หลังจากการทำเลเซอร์สิวแล้ว การดูแลตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ควรปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่อาจส่งผลข้างเคียง หรือกระตุ้นให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นได้หลังจากเลเซอร์สิว ดังนี้

การดูแลผิวหลังเลเซอร์สิว

  • หลังจากเลเซอร์สิวควรทายา หรือรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
  • ควรปล่อยให้สะเก็ดหลุดเองตามธรรมชาติ ไม่ควรใช้มือแคะ แกะ หรือ เการอยแผล
  • หลังเลเซอร์สิว 24 ชั่วโมง ควรหลีกเลี่ยงให้ใบหน้าสัมผัสโดนน้ำ หรือ ล้างหน้า
  • หลีกเลี่ยงให้ผิวบริเวณที่เลเซอร์สิวเผชิญกับแสงแดดโดยตรง อย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพราะผิวที่พึ่งผ่านการเลเซอร์สิวจะไวต่อแสง จึงอาจเกิดรอยแดง ผิวไหม้ หรือหน้าลอกได้
  • หากมีอาการผิดปกติบริเวณที่ทำเลเซอร์สิว ควรรีบเข้ามาพบแพทย์

ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลังเลเซอร์สิว

  • ควรล้างหน้า และทำความสะอาดใบหน้าด้วยน้ำสะอาด และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวด้วยสูตรอ่อนโยน
  • ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ประมาณ 2-3 เดือน เพื่อป้องกันการอุดตันรูขุมขน
  • ไม่ควรสครับผิว หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ แอลกอฮอล์ น้ำหอม หลังเลเซอร์สิว
  • หลีกเลี่ยงให้ผิวบริเวณที่เลเซอร์สิวเผชิญกับแสงแดดโดยตรง อย่างน้อย 48 ชั่วโมง หรือทาครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวก่อนออกแดด
  • ไม่ควรแต่งหน้าจัดหลังจากเลเซอร์สิวประมาณ 7 วันหลังเลเซอร์สิว

ผลข้างเคียงจากเลเซอร์สิว

หลังทำเลเซอร์สิวอาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยได้ แต่อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้น และหายไปเองภายใน 2-3 ชั่วโมง หรือ 1-7 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล แต่ถ้าหากพบว่ามีอาการปวดอย่างรุนแรง หรือผิวแดงเข้มขึ้นผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ โดยผลข้างเคียงจากเลเซอร์สิว มีดังต่อไปนี้

  • ผิวบริเวณที่เลเซอร์สิวจะยังแดงเล็กน้อย และจะค่อย ๆ จางลงภายใน 3-7 วัน
  • มีอาการคัน ผิวแดงบวม
Top 10 Clinics
Logo