บิกินี่แว็กซ์ มีประโยชน์มากกว่าที่คิด ปัจจุบันการแว็กซ์ขนน้องสาว (Bikini Waxing) ถือว่ากำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีผู้หญิงหลายท่านต้องการที่จะสร้างความมั่นใจและเพื่อรักษาสุขอนามัยที่ดี นอกจากความสำคัญกับการแต่งหน้า แต่งผมให้สวย และพร้อมรับทุกสถานณการณ์แล้ว การทำบิกินี่แว็กซ์ก็สำคัญไม่น้อยเช่นก สำหรับการทำ Bikini Waxing มีอยู่หลายรูปแบบ หลายคนที่กลัวว่าการแว็กซ์ที่น้องน้อยแสนบอบบางจะเจ็บหรือไม่ ? และควรแว็กซ์บิกินี่ให้ออกมารูปแบบใด เราเลยถือโอกาสนี้ไขข้อข้องใจให้ทุกคนอย่างหมดจดกัน
บิกินี่แว็กซ์ (Bikini Wax) คืออะไร ?
บิกินี่แว็กซ์ คือ การใช้แว็กซ์ หรือ ขี้ผึ้ง ในการกำจัดขนบริเวณอวัยวะเพศและบริเวณใกล้เคียงอวัยวะเพศ อาจเรียกได้ว่าเป็นแฟชั่นความงาม เพื่อเพิ่มความมั่นใจสำหรับการสวมใส่ชุดว่ายน้ำ เพื่ออวดโฉมของคุณสุภาพสตรี และเพื่อรักษาสุขอนามัยของน้องสาวอีกด้วย ก่อนอื่นเลย สาวๆ มารู้จักกับ V.I.O Line กันก่อนเพื่อที่จะได้เข้าใจความแตกต่างของแว็กซ์แต่ละประเภทมากขึ้น
V line คือ บริเวณขนส่วนบิกินี่ด้านหน้า จะเป็นการแว็กซ์ส่วนที่เลยขอบบิกินี่
I line คือ บริเวณขนส่วนที่บอบบางที่สุดของเรา หรือ ขนส่วนระหว่างขานั่นเอง
O line คือ บริเวณขนส่วนบั้นท้าย หรือ ขนบริเวณตูด
ประเภทของการทำบิกินี่แว็กซ์ (Bikini Waxing) แบบต่าง ๆ
1. The Regular Bikini Wax
The Regular Bikini Wax บิกินี่แว็กซ์ แบบธรรมดา หรือที่หลายๆ คนอาจจะรู้จักในนามของ American Wax (อเมริกันแว็กซ์) เป็นการแว็กซ์ขนแบบเก็บขอบกางเกงใน หรือ บิกินี่ และบริเวณขาหนีบ
เหมาะสำหรับ : สาวๆ ที่เริ่มทำแว็กซ์บิกินี่ หรือแว็กซ์ขนที่ลับครั้งแรก เป็นการลองเชิงประเดิมที่ดี และไม่น่ากลัวเกินไป
2. The Full Bikini Wax
บิกินี่แว็กซ์แบบจัดเต็ม The Full Bikini Wax ต่างจาก Regular Bikini Wax ตรงที่เป็นการแว็กซบิกินี่ที่เริ่มเข้าไปลึกขึ้นมากกว่าการเก็บขอบกางเกงในธรรมดา ซึ่งจะแว็กซ์ขนเป็นรูป “สามเหลี่ยม หรือ Triangle Shape” และ แว็กซ์บริเวณ I line หรือ ระหว่างขาเล็กน้อยค่า (เป็นการแว็กซ์ที่ไม่ได้แว็กซ์ทั้งหมดออก) รวมถึง เล็มขนตรงกลางระหว่างขาที่เหลือให้บางๆ ไม่รก
เหมาะสำหรับ : สาวๆ ที่ยังอยากเก็บขนของน้องสาวส่วนหนึ่งเอาไว้ ยังไม่อยากแว็กซ์หมดเพราะกลัวเจ็บ แต่ก็อยากกำจัดขนมากกว่าแค่การเก็บตามขอบกางเกงใน หรือ บิกินี่
3. The French Bikini Wax
French Bikini Wax หรือ เฟรนช์แว็กซ์ เป็นชื่อที่ยังไม่คุ้นหูสำหรับคนไทยสักเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าสาวๆ หลายๆ คนต้องชอบแน่นอน เพราะเป็นการแว็กซ์ขนที่ลับบริเวณด้านหน้า ตรงด้านข้างของสามเหลี่ยมทั้งสองด้าน หรือที่หลายๆ คนเรียกว่า “ลานจอด หรือ Strip” รวมถึงการแว็กซ์ขนบริเวณระหว่างขาจนหมดด้วย แต่! ไม่ได้แตะต้องหรือยุ่งอะไรกับ O line หรือ ขนบั้นท้ายด้านหลังเหมือนกับ Brazilian Bikini Wax
เหมาะสำหรับ : สาวๆ ที่อยากกำจัดขนที่ลับให้เรียบสมูทมากกว่า Full Bikini Wax แต่ไม่ยังไม่พร้อมที่จะแว็กซ์ขนจากประตูด้านหลัง หรือ O line นั่นเอง
4. The Brazilian Bikini Wax
มาถึง Brazilian Wax หรือ บราซิลเลี่ยนแว็กซ์ เป็นบิกินี่แว็กซ์ ยอดนิยมในสมัยนี้เลยค่ะ แต่อาจจะเจ็บซี้ดนิดนึง เพราะเป็นการแว็กซ์ทั้งด้านหน้า ตรงกลาง และ ด้านหลังเลย! โดยเหลือขนน้อยๆไว้บริเวณ V line เป็นลวดลายต่างๆ เพื่อความเก๋! ไม่ว่าจะเป็นลายสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม หรือ หัวใจ! ที่เป็นที่รู้จักในชื่อของ Valentine Wax หรือ วาเลนไทน์แว็กซ์ นั่นเอง!
เหมาะสำหรับ : สาวๆ ที่ต้องการใส่กางเกงในจีสตริงสุดเซ็กซี่ เพราะการแว็กซ์แบบนี้รับรองไม่มีขนโผล่ออกมากวนใจแน่นอน และสาวๆ ยังรู้สึกแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่ากับลวดลายขนน้อยๆ ด้านหน้าด้วย
5. Hollywood Wax
การแว็กซ์บิกินี่ แบบ Hollywood Wax หรือ ฮอลลิวูดแว็กซ์ เป็นการแว็กซ์ที่กำจัดขนที่ลับอย่างหมดจด ทั้ง หน้า กลาง และหลัง ครบทั้ง V.I.O ไม่เหลือขนน้องจุ๋มจิ๋มแม้แต่เส้นเดียว
เหมาะสำหรับ : สาวๆ ที่ต้องการแว็กซ์ขนให้หมดทุกเส้น ยันเส้นสุดท้าย! แต่ไม่เหมาะสำหรับสาวๆ ที่เริ่มแว็กซ์ครั้งแรกนะคะ เพราะจะได้เจ็บซี้ดจนร้องไห้แน่นอน
สาวๆ รู้ไหมคะว่า บริเวณจุดซ่อนเร้นของเรานั้น ถ้าปล่อยให้รุงรัง ไม่ดูแลรักษาให้ดี อาจเกิดการหมักหมมและเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และเชื้อแบคทีเรียได้เช่นกัน ดังนั้นสาวๆ ควรทำความสะอาดบริเวณน้องสาวอย่างเดียวไม่พอ ควรหมั่นกำจัดขนบริเวณนั้นออกบ้างไม่มากก็น้อย
รูปแบบของการทำบิกินี่แว็กซ์ (BIKINI PLAYBOY DESIGN WAXING)
การทำ Bikini Playboy Design Waxing เป็นการแว็กซ์ที่สาวๆหลายๆคน สนใจอย่างมาก เพราะเป็นการเน้นหนักไปที่งานดีไซน์ โดยจะเน้นไปที่ความเป็นแฟชั่นมากกว่าเดิม โดยจะมีรูปทรงหรือลวดลายที่แปลกใหม่ขึ้นมา ซึ่งมีรูปทรงหลายแบบให้เลือก โดยมีตัวอย่าง ดังต่อไปนี้
- Triangle การแว็กซ์รูปสามเหลี่ยม
- Rectangle การแว็กซ์รูปสี่เหลี่ยม
- Pencil Line การแว็กซ์รูปเส้นตรงเล็ก
- Heart การแว็กซ์รูปหัวใจ
โดยทุกคนสามารถเลือกทรงผมให้น้องน้อยที่ตนเองถูกใจมากที่สุด เพราะว่านอกจากการแว็กซ์จะช่วยให้เราดูแลความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นได้ง่ายมากขึ้น เรายังสามารถเลือกรูปทรงใหม่ ๆ เพื่อให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
แว็กซ์บิกินี่ มีกี่แบบ ?
การแว็กซ์ขนบิกินี่ หรือ การแว็กซ์ขนบริเวณน้องสาว มีด้วยกันอยู่ 2 แบบ ตามลักษณะของเทคนิคการแว็กซ์ คือ แว็กซ์ร้อน (Hot Wax) กับแว็กซ์เย็น (Strip Wax) ซึ่งมีความแตกต่างกันดังนี้
- การแว็กซ์ร้อน (Hot Wax)
เป็นวิธีการนำมาใช้ในกระบวนการเอาขนออกบนผิวหนังที่นิยมสำหรับบริเวณบอบบางของร่างกาย เช่น การแว็กซ์บิกินี่ ซึ่งการแว็กซ์ร้อนจะมีความซับซ้อนมากกว่าการแว็กซ์เย็น เนื่องจากจะต้องเอาตัวแว็กซ์ไปอุ่นร้อนให้เนื้อแว็กซ์ละลาย เพื่อให้สามารถยึดติดกับผิวหนังได้มากที่สุด จึงทำให้การใช้แว็กซ์เย็นสามารถกำจัดขนได้ถึงรากมากกว่าแบบเย็นนั่นเอง - การแว็กซ์เย็น (Strip Wax)
เป็นการใช้แว็กซ์ที่มีส่วนประกอบหลักจากธรรมชาติ เช่น น้ำตาล น้ำ และน้ำผึ้ง เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเคยทำการแว็กซ์ขนเป็นครั้งแรก และมีผิวที่ค่อนข้างจะแพ้ง่าย ซึ่งแว็กซ์ตัวนี้สามารถทาลงไปยังบริเวณที่ต้องการกำจัดขนดได้เลย จากนั้นปล่อยให้เนื้อแว็กซ์แห้งแล้วจึงดึงออกให้ย้อนทิศทางแนวขน ด้วยความเร็วและแรง ซึ่งอาจจะต้องอาศัยความชำนาญเพราะหากทำผิดวิธีอาจทำให้ขนขาดออกจากราก
การเตรียมตัวก่อนทำบิกินี่แว็กซ์ (Bikini Waxing)
สำหรับคนที่เตรียมตัวหรือตัดสินใจที่จะทำการทำบิกินี่แว็กซ์ ต้องมีการเตรียมตัวก่อน โดยมีขั้นตอน ดังต่อไปนี้
- สำหรับผู้ที่มีขนคุด ควรสครับผิว ก่อนทำ บิกินี่ แว็กซ์ (Bikini Waxing) ประมาณ 48 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการแว็กซ์ขน หากผิวมีอาการไหม้จากแสงแดด
- ควรหลีกเลี่ยงการตัดหรือโกน ก่อนทำการแว็กซ์ 4-6 สัปดาห์
- ผู้ที่เลเซอร์, เอเอชเอ (AHA), ไอพีแอล (IPL), หรือบริการที่เกี่ยวกับการลอกหน้า ไม่ควรจะเข้ารับบริการแว็กซ์ขน
- หากมีประจำเดือน ไม่ควรเข้ารับบริการแว็กซ์ เนื่องจากผิวในช่วงนั้นจะบอบบางเป็นพิเศษ
- ไม่ควรเข้ารับบริการแว็กซ์หลังจากผ่านการผ่าตัด อย่างน้อย 6-12 เดือน เนื่องจากแผลยังไม่สมานดี
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแว็กซ์ เนื่องจากหลังการมีเพศสัมพันธ์ อวัยวะเพศจะมีการอาการบวมแดง อาจทำให้ยิ่งเพิ่มอัตราการเจ็บและอักเสบอย่างรุนแรง
- ควรรับประทานยาแก้ปวดก่อนแว็กซ์ เพราะหลังจากที่ทำเสร็จผิวบริเวณนั้นจะมีการอักเสบ
- ไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น มาเข้ารับบริการแว็กซ์
ขั้นตอนการทำบิกินี่แว็กซ์
ก่อนการทำบิกินี่แว็กซ์ เริ่มต้นจากการเตรียมแว็กซ์ สำหรับการแว็กซ์อุ่นจะต้องนำแว็กซ์ไปอุ่นจนละลาย อาจใช้ไมโครเวฟหรือใช้หม้ออุ่นแว็กซ์ จากนั้นรอให้แว็กซ์เย็นลงเล็กน้อย ก่อนเริ่มแว็กซ์
- เตรียมผิวบริเวณบิกินี่ สิ่งสำคัญคือความยาวของเส้นขน ควรมีความยาวไม่น้อยกว่า 0.64 เซนติเมตร และไม่ควรเกิน 1.3 เซนติเมตร เพราะหากสั้นจนเกินไปแว็กซ์จะไม่สามารถเกาะติดเส้นขนได้ ควรไว้ขนต่อ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ และหากยาวจนเกินไปจะทำให้แว็กซ์เกาะติดเส้นขนมากเกินไปจนทำให้คุณรู้สึกเจ็บ ควรใช้เครื่องตัดแต่งขนเล็มออก
- ล้างทำความสะอาดและขัดผิวบริเวณบิกินี่ ใช้สบู่ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวทำความสะอาดผิวและขนบริเวณจุดซ่อนเร้น เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ และลดความมันที่ติดบนเส้นขนทำให้แว็กซ์และขนติดกันได้ดี
- ปาดแว็กซ์บริเวณที่ต้องการ ใช้ไม้พายตักแว็กซ์ขึ้นมาและปาดเบาๆ ลงไปตรงบริเวณที่ต้องการแว็กซ์ โดยให้แว็กซ์ มีความหนาเท่าๆกับความหนาของเหรียญ โดยปาดแว็กซ์ไปตามแนวเส้นขนจะช่วยลดอาการเจ็บพยายามปาดแว็กซ์ให้เกินออกจากขอบของเส้นขนเล็กน้อยเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับใช้มือจับเมื่อถึงเวลา ซึ่งคุณสามารถเริ่มต้นแว็กซ์ขนตรงบริเวณใดก่อนก็ได้ จากนั้นจึงค่อยๆ ไล่แว็กซ์ขนไปเรื่อยๆ ทีละจุด ปล่อยทิ้งไว้เพื่อให้แว็กซ์แข็งตัวขึ้น
- ดึงแว็กซ์ออก เมื่อแว็กซ์แข็งตัวอย่างสมบูรณ์ ให้คุณใช้มือข้างหนึ่งดึงผิวบริเวณใกล้เคียงกับขอบของแว็กซ์ที่ดึงให้ตึก ใช้มืออีกข้างจับบริเวณขอบแว็กซ์ที่จะดึง จากนั้นให้คุณหายใจเข้าลึกๆ และดึงออกอย่างรวดเร็ว โดยให้ดึงย้อนแนวเส้นขนขน หลังจากนั้นจึงค่อยๆปาดแว็กซ์เพื่อกำจัดขนในบริเวณอื่นๆต่อไป
- กำจัดขนที่ตกค้าง ทำความสะอาดพร้อมกับการบำรุงผิว แน่นอนว่าหลังจากที่แว็กซ์ขนแล้ว ยังคงมีเส้นขนที่ตกค้างจากการแว็กซ์ ให้คุณนำแหนบชุปแอลกอฮอล์ เพื่อฆ่าเชื้อโรค จากนั้นใช้แหนบดึงเส้นขนที่ตกค้างจนเกลี้ยงเกลา หลังจากนั้นใช้น้ำสะอาดล้างเศษแว็กซ์ที่ติดอยู่ แล้วเช็ดให้แห้งทาด้วยเจลว่านหางจระเข้ตรงบริเวณที่เพิ่งแว็กซ์เสร็จ จะช่วยบรรเทาการละคายเคืองและลดอาการอักเสบลงได้
ข้อควรปฏิบัติ ดูแลตัวเองหลังจากทำบิกินี่ แว็กซ์ (Bikini Waxing)
สำหรับบางท่านหลังจากการแว็กซ์สำเร็จเรียบร้อยแล้ว อาจมีรอยแดง จ้ำเลือด เกิดขึ้นตามแนวบิกินี่ หรือมีการแสบเกิดขึ้น แต่อาการดังกล่าวจะหายไปเองภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง โดยมีข้อควรปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
- ควรทา Wax Oil , Refreshing Mint หรือ Moisturizing Milk เพื่อบำรุงสุขภาพผิวบริเวณที่แว็กซ์
- ควรสครับผิวหลังจากการแว็กซ์ 2-3 วัน ด้วยผ้าขนหนู หรือ ธัญพืชชนิดที่มีความละเอียดมาก เพื่อลดการระคายเคืองบริเวณผิวที่บอบบาง เป็นการขัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว รวมถึงช่วยให้เส้นขนเกิดใหม่เติบโตในทิศทางที่เหมาะสม และยังช่วยป้องกันและลดปัญหาจากการเกิดขาคุดอีกด้วย
- ไม่ควรออกกำลังกายในทันทีหลังทำบิกินี่แว็กซ์ หลังการทำบิกินี่แว็กซ์ผิวบริเวณนั้นจะมีความบอบบางเป็นพิเศษ หากคุณออกกำลังกายผิวบริเวณนั้น จะเกิดการเสียดสีและมีเหงื่อออกมากเป็นพิเศษ ทำให้ผิวเกิดการระคายเคียง ส่งผลให้เกิดอาการอักเสบมากกว่าเดิม จึงควรงดออกกำลังกาย 2-3 วัน หลังการทำบิกินี่แว็กซ์
- หลีกเลี่ยงการตากแดด หรือว่ายน้ำหลังจากการแว็กซ์ทันที โดยควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง เพื่อฟื้นฟูผิวเสียก่อน รวมถึงป้องกันการเกิดขึ้นของเม็ดสีเมื่อผิวโดนแดด หรือเกิดปฏิกิริยาใดๆ กับน้ำคลอรีนในสระ
- หลีกเลี่ยงการอบซาวน่าหรืออบไอน้ำ เพื่อป้องกันผิวที่เกิดทำปฏิกิริยากับความร้อน
- หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป จนเกิดการเสียดสีและอับชื้น ส่งผลให้เกิดการอักเสบมากขึ้น หรืออาจทำให้เกิดสิวบริเวณที่แว็กซ์
- หลีกเลี่ยงการนวดผิวที่บริเวณที่ทำการแว็กซ์
- ไม่ควรอาบน้ำร้อน ลงสระว่ายน้ำ และลงน้ำทะเลในทันที การอาบน้ำร้อน การลงสระว่ายน้ำ และการลงเล่นน้ำทะเล ทันที่หลังการทำบิกินี่แว็กซ์เสร็จ เป็นการกระตุ้นให้ผิวเกิดการอักเสบได้ดี เนื่องจากการอาบน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูง การลงสระว่ายน้ำที่มีคลอลีนผสม รวมถึงน้ำทะเลที่มีความเค็มของเกลือสูง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ดังนั้นควรงดกิจกรรมดังกล่าว 2-3 วัน เพื่อพักผิวบริเวณจุดซ้อนเร้น
สุดท้ายและท้ายสุดแล้วนะคะ การแว็กซ์ในบริเวณผิวที่บอบบางที่สุด ควรจะได้รับการแว็กซ์จากช่างผู้เชี่ยวชาญและมีความชำนาญในการแว็กซ์เป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังต้องมีเครื่องมือ อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ช่วยให้การแว็กซ์เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ระดับความเจ็บในการทำบิกินี่แว็กซ์
เมื่อคุณคิดจะทำบิกินี่แว็กซ์ สิ่งหนึ่งนอกจากความสวยงาม ความสะอาด และสุขอนามัยที่ดีแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องแลกมาด้วยสิ่งเหล่านี้ คือ ความเจ็บปวดที่หลีกเลี้ยงไม่ได้ ซึ่งประเภทของการทำบิกินี่แว็กซ์ ทั้ง 3 แบบนั้น ก็เรียงลำดับกันไปโดยเริ่มจากเจ็บน้อยที่สุด คือ
- Bikini Line เป็นการแว็กซ์กำจัดขนขอบกางเกงชั้นในเล็กน้อยเพียงเท่านั้น
- Traditional Brazilian เป็นการแว็กซ์แบบดั้งเดิม ที่เพิ่มพื้นที่ในการแว็กซ์มาขึ้นทำให้ขนเหลือเพียงเล็กน้อย
- Full Monty / Hollywood เป็นการแว็กซ์ทั่วทุกบริเวณที่มีขนทำให้ระดับความเจ็บถือว่าโหดเลยทีเดียว
บิกินี่แว็กซ์ทำแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน ?
แน่นอนว่าเมื่อคุณตัดสินใจทำบิกินี่แว็กซ์แล้ว สิ่งหนึ่งที่ท่านต้องทราบ คือ การแว็กซ์คือการใช้แว็กซ์ หรือ ขี้ผึ้ง ในการถอนขนภายในคราวเดียวโดยไม่ต้องทนเจ็บกับการถอนแบบทีละเส้น แต่สิ่งที่ท่านทราบดีว่ายอมมีการงอกของขนขึ้นใหม่ โดยบริเวณที่มีการแว็กซ์จะมีขนขึ้นใหม่ ทุกๆ 1-2 เดือน
ความเสี่ยงของการทำบิกินี่แว็กซ์
แน่นอนว่าการกำจัดขนด้วยแว็กซ์ ซึ่งในความเป็นจริงอาจไม่ต่างจากการถอนสักเท่าไร จึงอาจทำให้เจ็บขณะขนถูกดึงออกได้ โดยเฉพาะการแว็กซ์ครั้งแรก แต่อาการมักดีขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน สำหรับร้านกำจัดขนอาจมีเทคนิคที่ช่วยให้เจ็บน้อยลง นอกจากความเจ็บแล้ว การทำบิกินี่แว็กซ์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่แตกต่างกันไป เช่น
- ผิวหนังและรูขุมขนระคายเคือง เลือดออกตามรูขุมขน
- คันตามผิวหนัง เนื่องจากการระคายเคืองหรือมีขนใหม่เกิดขึ้น
- ทำให้เกิดแผลเล็กๆที่มองไม่เห็น การกำจัดขนแบบถอนรากถอนโคน เป็นวิธีการดึงเส้นขนออกจากรูขุมขน ทำให้เกิดการฉีกขาดของเนื้อเยื้อบริเวณปากรูขุมขนทำให้เกิดการอักเสบของรูขุมขน มิหนำซ้ำยังทำให้ผิวหนังบริเวณชั้นนอกหลุดลอกออกมากับแว็กซ์หรือขี้ผึ้ง ทำให้เกิดแผลเล็กๆบริเวณผิวหนัง
- เกิดขนคุด หรือ ขนที่ไม่สามารถเจาะผ่านผิวหนังขึ้นมาได้ จนทำให้เกิดอุดตันและเกิดตุ่ม ซึ่งอาจทำให้ผิวไม่เรียบเนียน การทำบิกินี่แว็กซ์บ่อยครั้งจนเกินไป จะทำให้เกิดการอักเสบของรูขุมขนและผิวหนัง จากนั้นร่างกายจะทำการซ่อมแซมบาดแผล โดยการทำให้เกิดการงอกของเซลล์ผิวใหม่ เป็นสาเหตุทำให้รูขุมขนอุดตัน จนขนที่งอกขึ้นใหม่ ไม่สามารถเหนือผิวหนังได้ ทำให้ขนงอกย้อนกลับลงไปใต้ผิวหนัง จนกลายเป็นขนคุดในที่สุด
- ผิวหนังติดเชื้อ เพราะการแว็กซ์อาจทำให้ผิวหนังเป็นแผลขนาดเล็กที่สังเกตเห็นได้ยาก หากไปสัมผัสกับเชื้อโรคหรือขาดสุขอนามัยที่ดีก็อาจทำให้ผิวหนังติดเชื้อ เกิดแผลพุพอง หนอง หรือผิวหนังบวมแดง หากพบเห็นอาการควรไปพบแพทย์
- อาการแพ้ทางผิวหนัง ที่เป็นผลมาจากการแพ้ส่วนประกอบของแว็กซ์ อย่างสารเคมี น้ำหอม น้ำผึ้ง หรือ ตัวแว็กซ์เอง เบื้องต้นอาจพบอาการผื่นแดงคัน ลมพิษ ผิวหนังบวม แต่หากเกิดอาการอื่นที่รุนแรง อย่างผิวหนังบวมอย่างรุนแรง ริมฝีปากบวม คอบวม หายใจไม่ออก เวียนหัว ควรไปพบแพทย์ทันที
ผลข้างเคียงส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและสามารถหายเองได้โดยใช้เวลาไม่นาน สำหรับผลข้างเคียงรุนแรงจากการทำบิกินี่แว็กซ์นั้น อาจพบได้น้อยมากจึงอาจไม่จำเป็นต้องกังวล แต่ก็ควรเลือกร้านแว็กซ์ที่ดูน่าเชื่อถือ ปลอดภัย และพนักงานมีความชำนาญ หากแว็กซ์ขนด้วยตนเองก็ควรศึกษาวิธีแว็กซ์ที่ถูกต้อง เลือกแว็กซ์ที่ไม่ผสมสารก่อระคายเคืองและอ่อนโยนต่อผิวเพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง หลังการทำบิกินี่แว็กซ์ขนส่วนที่แว็กซ์อาจเกิดขึ้นใหม่ภายใน 2–3 สัปดาห์ ซึ่งการแว็กซ์ขนในตำแหน่งเดิมซ้ำ ๆ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานจะทำให้ขนส่วนนั้นไม่เกิดขึ้นใหม่หรือเกิดขึ้นช้าลง
บิกินี่แว็กซ์เป็นเพียงตัวเลือกหนึ่งในการกำจัดขน โดยมีจุดประสงค์เรื่องความมั่นใจและความสวยงามส่วนตัวเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาพแต่อย่างใด สิ่งที่สำคัญคือการรักษาความสะอาดผิวหนังบริเวณนั้นให้สะอาดอยู่เสมอ สุดท้ายนี้ บิกินี่แว็กซ์อาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคผิวหนังหรือปัญหาผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการกำจัดขนเพื่อป้องกันอาการหรือความผิดปกติ
ทางเลือกอื่นๆ นอกจากการทำบิกินี่แว็กซ์
นอกจากวิธีการทำบิกินี่แว็กซ์แล้ว เราลองมาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะกำจัดขนของน้องสาวได้ และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
1. การโกนขน
วิธีนี้เป็นวิธียอดฮิตของใครหลายๆคน เพราะเป็นวิธีที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก รวดเร็วและประหยัดงบประมาณ
- ข้อดี : รวดเร็ว ประหยัดเวลา ประหยัดงบประมาณ
- ข้อเสีย : เกิดการบาดเจ็บบริเวณผิวหนังได้ง่าย เสี่ยงต่อการถูกมีดโกนบาดและเกิดการติดเชื้อ ขนที่ขึ้นมาใหม่จะแข็งจนทิ่มแทงผิวหนังจนเกิดอาการเจ็บและคัน จนอยากเกาจนเสียบุคลิกภาพที่ดี
2. การถอนขน
วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีคลาสสิก อุปกรณ์จะมีเพียงแค่แหนบ ถือว่าเป็นวิธีที่ประหยัดอีกวิธีหนึ่ง
- ข้อดี : อุปกรณ์น้อย มีเพียงแหนบ
- ข้อเสีย : เป็นวิธีที่ทำให้เจ็บปวดและทรมานเนื่องจากการถอนต้องถอนขนทีละเส้น และกินระยะเวลายาวนาน หลังการถอนจะมีจุดแดงๆเกิดขึ้น อันเนื่องมาจากรูขุมขนฉีกขาด และอักเสบ ทำให้มีเลือดออกจากการถอนที่ผิดทิศทาง เกิดเป็นผิวหนังไก่ ทำให้เกิดขนคุดและฝีขึ้นได้
3. การใช้ครีมกำจัดขน
ปัจจุบันมีอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยทำให้สาวๆไม่ทรมานจากการโกนและการถอน อีกทั้งใช้งบประมาณเพียงเล็กน้อย นั้นคือการย่อยสลายเส้นขนโดยใช้สารไทโอไกลโคเลต (Thioglycolate) ที่มาในรูปแบบของครีมกำจัดขนที่จำหน่ายทั่วไปในท้องตลาด
- ข้อดี : ไม่ทำให้การกำจัดขนเจ็บปวดและทรมาน ใช้เวลาไม่นาน
- ข้อเสีย : เนื่องจากเป็นการใช้สารเคมี ทำให้ผู้ใช้เกิดการระคายเคืองผิว เจ็บ แสบ และคัน หลังจากการทำจะทำให้ผิวมีสีคล้ำ อีกทั้งไม่สามารถทำลายการสร้างขนได้ ทำให้ขนขึ้นใหม่ภายใน 2 สัปดาห์
4. เลเซอร์บิกินี่
ในปัจจุบันการการใช้เทคโนโลยีและนวัฒกรรมอย่างการทำเลเซอร์ขนบิกินี่ เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในบรรดาสาวๆ ถือเป็นวิธีที่ไม่ทำให้เจ็บปวด การเลเซอร์ยิงเขาไปทำลายรากขน ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อผิวที่บริเวณจุดซ้อนเร้น โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น
- ข้อดี : ไม่เสียเวลากำจัดขนอีกต่อไป ประหยัดงบประมาณเมื่อเทียบกับวิธีการอื่นที่ต้องกำจัดขนหลายๆ ครั้ง ไม่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ ผิวหนังไก่ ทำให้ผิวสวยเรียบเนียน และขนไม่ขึ้นอย่างถาวร
- ข้อเสีย : ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และอาจต้องมีการทำซ้ำ 5-8 ครั้ง ขนจึงจะหายไปอย่างถาวร