ฟิลเลอร์หน้าผาก (forehead filler) ช่วยแก้ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม หน้าผากแบน ให้ดูสดใส มีมิติมากขึ้น

ฟิลเลอร์หน้าผาก (forehead filler) ช่วยแก้ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม หน้าผากแบน ให้ดูสดใส มีมิติมากขึ้น

ฟิลเลอร์หน้าผาก คือ ?

ฟิลเลอร์หน้าผาก คือ การฉีดสารเติมเต็ม หรือ ฟิลเลอร์ (Filler) เข้าไปบริเวณหน้าผาก การฉีดเสริมหน้าผากให้ได้รูปทรงสวยงาม ด้วยสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ช่วยแก้ปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม และ ปรับลักษณะหน้าผากให้ตรงตามโหงวเฮ้งที่ดี จึงช่วยได้ทั้งเรื่องความสวยความงาม และความเชื่อ ฟิลเลอร์หน้าผากจึงได้รับความนิยมอย่างมากเลย ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากควรได้รับการดูแลจากแพทย์ที่มีความชำนาญเท่านั้น เนื่องจาก บริเวณหน้าผากมีเยื่อหุ้มกระดูกหลายชั้น หากฉีดฟิลเลอร์หน้าผากตื้นเกินไป ฟิลเลอร์หน้าผากก็มีโอกาสเป็นก้อนได้ หรือ อีกกรณีหนึ่งคือ ฟิลเลอร์อาจจะไหลย้อย และ กลายเป็นคลื่นได้

แนะนำว่าไหน ๆ จะเลือกทำฟิลเลอร์หน้าผากแล้ว เจ็บตัวทั้งที เลือกคลินิก และ แพทย์ที่มีประสบการณ์ มีความชำนาญในการทำการแก้ไขจะดีที่สุด รับประกันว่าผลลัพธ์จะออกมาสวยงาม และ ไม่อันตรายอย่างแน่นอน


ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ใช้กี่ซีซี

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก โดยปริมาณฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคนไข้และดุจลยพินิจของแพทย์ ว่าต้องการผลลัพธ์ประมาณไหน ปริมาณการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเลยไม่เท่ากันในแต่ละบุคคล หลัก ๆ ของการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก คือ เรื่องการใช้ฟิลเลอร์แท้ และ รักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น โดย ฟิลเลอร์หน้าผาก สามารถ แบ่งเป็น 2 กรณี

  • ในเคสทั่วไปต้องการแก้ไขร่องหน้าผาก บริเวณเหนือคิ้วที่ยุบตัวลง ซึ่งส่วนมากจะต้องการแค่ให้ร่องตื้นขึ้นมา หน้าผากเรียบเข้ารูป ไม่ได้ต้องการความโหนกนูนมาก ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC
  • ในเคสที่ต้องการความโหนกนูน เสริมโหงวเฮ้ง แก้ไขปัญหาหน้าผากที่ยุบหรือแบนมาก ๆ อาจต้องใช้ 3-10 CC แต่หมอจะค่อย ๆ ทยอยฉีดครั้งละไม่เกิน 5 CC (ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเกินครั้งละ 5 CC เนื่องจากอาจทำให้เกิดการกดทับเนื้อเยื่อ และทำให้เกิดอาการบวมได้)

สาเหตุที่ควรฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากไม่ใช่เพียงการปรับรูปหน้าเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับคนไข้ในการใช้ชีวิตด้วย ตามจริงหลัก ๆ การแก้ไขหน้าผากมีหลายแบบมาก

การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน การเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน จะมีข้อดีคือ มั่นใจได้ว่า จะไม่ไหลลงมาได้แน่นอน แต่ต้องการกรอบหน้าผากในบางเคส และ ยังไม่ยืดหยุ่น ปรับรูปทรงให้เข้ากับหน้าผากได้ยาก อีกทั้งยังต้องเปิดแผลเป็นแนวจากเหนือหูข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง ทำให้มีแผลยาว ต้องพักรักษาตัวกันอีก ยิ่งถ้าใครเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง หากท่านไหนมีอาการบวมแดงมาก อาจจะรู้สึกเขินอายระหว่างช่วงพักฟื้นได้ อีกทั้งเวลาสัมผัสไป จะรู้ ว่าเป็นซิลิโคน

สำหรับการฉีดไขมันที่หน้าผาก จะต้องมีการปลูกถ่ายไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายกายออกมา เพื่อมาฉีดกลับไปปรับรูปหน้าผาก ให้หน้าผากนูนขึ้น ข้อดีหลัก ๆ คือ เรามั่นใจได้ว่าไม่แพ้ เพราะเป็นการใช้ไขมันตนเอง แต่ข้อเสียคือ ถ้าใครผอมมาก ๆ จะไม่สามารถดูดไขมันมาใช้งานได้ การฉีดไขมัน บางทีอาจจะต้องฉีดประมาณ 2-3 ครั้ง เพราะ ไขมันบางทีฉีดไปแล้วไม่ติด ไขมันเป็นสิ่งชีวิต ฉีดไป 10 อาจจะอยู่ได้แค่ 3 ในบางเคส พอเราฉีดโอเวอร์ไปก่อน ก็อาจจะบวมหลังทำเสร็จได้ ยิ่งหากแพทย์ที่ทำการแก้ไขให้ไม่ชำนาญ หน้าอาจจะดูบวม ๆ ไม่ธรรมชาติได้ และยิ่งถ้าฉีดเยอะเกินไปจนผิวยืดออก พอไขมันหายไป หน้าอาจจะไม่กลับมากระชับแบบเดิม

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นการใช้สารเติมเต็มประเภท HA (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มที่มีความปลอดภัยสูง เลียนแบบคอลลาเจนในผิว มีหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามที่คุณหมอวิเคราะห์ปัญหา แต่ละรุ่นของฟิลเลอร์จะมีความหนัก และ โมเลกุลแตกต่างกันไป หลังทำเสร็จเห็นผลได้ทันที 80% อีกทั้งยังสามารถปรับลดได้ ตามความต้องการของคนไข้ ที่สำคัญคือ ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วมาก ประมาณ 2 อาทิตย์เท่านั้น ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ด้วยความที่ฟิลเลอร์ ค่อนข้างเป็นธรรมชาติมาก คนไข้สามารถค่อย ๆ ฉีดทีละน้อย ๆ เพื่อไม่ให้มีคนสังเกตุว่าไปทำอะไรกับหน้ามาได้ เวลาจับก็จะดูเนียน เป็นธรรมชาติมาก สิ่งที่ต้องระวัง และ ศึกษาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทำฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก คือ แพทย์ไม่ชำนาญบริเวณนั้น เพราะหน้าผากมีเส้นเลือดเยอะมาก และ ระวังเรื่องการใช้ฟิลเลอร์ปลอม เพราะเชื่อว่าคนไข้เวลาทำไปแล้ว คงไม่อยากมาแก้ไขหลายรอบ ฉะนั้นก่อนทำหัตถการควรศึกษาให้ละเอียดทุกครั้ง


ฟิลเลอร์หน้าผากเหมาะสมกับใคร

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เหมาะกับคนที่ต้องการแก้ปัญหา หน้าผากแบน หน้าผากแคบ หน้าผากยุบบุ๋ม มีร่องลึก มีริ้วรอย และ สามารถช่วยปรับรูปทรงให้สวยงาม ตามลักษณะโหงวเฮ้งได้

  • เหมาะสำหรับท่านที่ไม่มีความมั่นใจกับหน้าผากเดิมของตนเอง ต้องการปรับรูปหน้า
  • เหมาะกับคนที่หน้าผากแบน มีโหนกบริเวณหน้าผากชัดเจน หน้าดูไม่หวาน ไม่ละมุน
  • เหมาะกับเคสที่อยากเห็นผลหลังทำทันที แบบไม่ต้องพักฟื้น
  • เหมาะกับคนที่มีไขมันน้อย หรือ ตัวเล็กมาก หรือ ไม่อยากเจ็บตัว 2 จุด จากการดูดไขมัน
  • เหมาะกับคนที่อยากค่อย ๆ เติม ปรับแก้ไข ไม่ให้การเปลี่ยนแปลงดูชัดเจนจนเกินไป
  • เหมาะกับท่านที่ไม่มีเวลาพักฟื้น หรือ ไม่อยากให้มีรอยเขียวช้ำเยอะ บริเวณหน้าผาก เปลือกตาบน ใต้ตา

ข้อดี ของ การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

  • ช่วยปรับรูปหน้าของคนไข้ได้ทันที เห็นผลชัดเจน หลังรับการแก้ไข
  • หน้าผากดูเข้ารูปขึ้น ดูอ่อนเยาว์ขึ้น สร้างความมั่นใจตอนถ่ายรูป ตอนใช้ชีวิต
  • แก้ปัญหาจุดบกพร่องได้ดีครับ โดยเราสามารถค่อย ๆ เติมเพื่อปรับแก้ไขได้
  • ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยกว่าการทำศัลยกรรม เนื่องจากฟิลเลอร์มีเพียงรอยเข็มเท่านั้น
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ใช้เวลาทำไม่นาน การเตรียมตัวก่อนฉีดไม่ยุ่งยาก
  • เจ็บน้อยกว่าการผ่าตัด เห็นผลชัดเจนใน 1-2 สัปดาห์
  • สามารถปรับแต่ง เพิ่ม-ลด ความนูน และ ออกแบบได้ตามต้องการ
  • ฟิลเลอร์แท้อยู่ได้นาน 1 ปี และเมื่อฟิลเลอร์สลายหมด สามารถทยอยเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ
  • หากต้องการแก้ไขก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ ไม่มีผลข้างเคียง


แนวทางปฎิบัติ ก่อน ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

  • งดยาแอสไพริน , NSAIDs เช่น ibruprofen , diclofenac , ponstan อย่างน้อย 1 อาทิตย์
  • งดวิตามินในกลุ่ม Vitamin E , primrose oil , garlic , ginseng , ginko biloba
  • งดทายาชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น Retinols , Retinoids , Glycolic Acid
  • งดการนวดหน้า ผลัดเซลล์ผิว การแว็ก การโกน การดึงขน การทำเลเซอร์
  • หากมีโรคประจำตัว ควรเตรียมข้อมูลเพื่อแจ้งแพทย์
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ หรือ งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด

การเตรียมตัวก่อน ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

  1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
  2. เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์หน้าผากที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองโดยกระทรวงสาธารณสุข
  3. ดูรีวิว จากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้น ๆ เช่น รูปภาพ คลิปวิดีโอ
  4. ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดยาแอสไพริน, NSAIDs วิตามินและยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว
  5. งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง
  6. งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น ออกกำลังกายหนัก ๆ

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

  1. ขั้นตอนเข้ารับคำปรึกษา : หลังจากนัดคิวเพื่อเข้ารับการปรึกษากับทางคลินิกและแพทย์ เพื่อฉีดฟิลเลอร์หน้าผากแล้ว แพทย์จะทำการประเมินปัญหา และ การแก้ไข คนไข้ ควรงดยากลุ่มแอสไพริน หรือ วิตามิน ล่วงหน้า 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ
  2. ขั้นตอนการทำความสะอาดใบหน้า : สามารถแต่งหน้าเบา ๆ มาก่อนได้ เพราะก่อนทำทุกหัตถการ คลินิกจะมีการคลีนหน้าให้ หรือ จะไม่แต่งหน้ามาเลยก็ได้
  3. ขั้นตอนหัตถการ : ในขั้นตอนการทำหัตถการจะใช้เวลาโดยประมาณ 30-45 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณของการฉีดฟิลเลอร์ และ ความยากง่ายของแต่ละเคส โดยคุณหมอจะค่อนข้างใช้เวลานิดนึง เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ต้องค่อย ๆ เติมให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด และสวยที่สุด
  4. ขั้นตอนการทำความสะอาดแผล : ในการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะมีรอยเข็มเล็ก ๆ โดยจะมีการทายา และ ปิดปากแผลให้ โดยหลังจากการปิดปากแผล 15 นาที คนไข้ก็สามารถนำแผ่นปิดปากแผลออกได้เลย

โดยบางรายอาจจะมีอาการบวมเกิดขึ้น แนะนำให้รับประทานยาตามแพทย์สั่ง นอนหมอนสูง และ ใช้น้ำแข็งประคบเบา ๆ เพื่อลดอาการบวมได้


แนวทางปฎิบัติ หลัง ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

  • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก อาจมีอาการบวมแดง ช้ำ มีรอยเข็มได้เป็นปกติ จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน ไม่ต้องกังวล จุดไหนที่ยังบวมอยู่ สามารถประคบเย็นเบา ๆ ได้ แต่ไม่ควรกดแรง
  • รับประทานยา แก้ปวด ลดบวม ตามที่คุณหมอจ่ายให้อย่างเคร่งครัด
  • นอนหมอนสูง (นอนหมอน 2 ใบ) ไม่ควรนอนตะแคงในช่วง 2 – 3 วันแรก
  • ล้างหน้าอย่างเบามือ ไม่กด นวดแรง ๆ
  • เว้นการออกกำลังกายหนัก ในช่วง 2 – 3 วันแรก
  • ควรอยู่ในที่อากาศเย็น และหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง ไม่ให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ รับความร้อน
  • งดเลเซอร์ ทรีทเมนต์ ซาวน่า 2-4 สัปดาห์
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 วัน
  • ดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ ฟูสวย และอยู่ได้นานขึ้น

ฟิลเลอร์หน้าผาก VS ผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน แตกต่างกันอย่างไร ?

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก หรือ ผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน แบบไหนดีกว่ากัน หัตถการทั้งสองอย่างมีทั้งด้านดี และ ด้านเสีย ให้พิจารณากันตามชอบแบบ หรือ สามารถเลือกได้ตามสมควรเลย

ฟิลเลอร์หน้าผาก

  • การฉีดฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid มีลักษณะเป็นเนื้อเจล มีความคงตัว
  • ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • บวมช้ำน้อย หรือ อาจไม่มีเลยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
  • เป็นเพียงรอยเข็มเล็ก ๆ ไม่มีแผล หากมีประวัติเป็นคีลอยด์ อาจจะเหมาะกับวิธีนี้มากกว่าการเสริมซิลิโคลน
  • ค่อย ๆ เติมได้ ฉีดน้อยไปสามารถค่อยมาเติมเพิ่มได้ หรือ ถ้าหากฉีดมากเกินไปก็สามารถสลายออกได้ เพราะไม่มีสารตกค้าง
  • ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน ประมาณ 12 เดือน แต่ผลลัพธ์อยู่ได้นาน หรือ ไม่ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเอง และ ปฏิบัติตามแพทย์สั่ง

เสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน

  • เสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน อยู่ในร่างกายตลอดชีวิต
  • การผ่าตัดทำให้มีรอยแผล อาจมีอาการบวมช้ำ นานกว่า การฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากเป็นการผ่าตัด แต่ฟิลเลอร์เป็นเพียงรอยเข็ม
  • ใช้เวลาในการพักฟื้น นานกว่า การฉีดฟิลเลอร์มาก
  • มีการเปิดแผลบริเวณศรีษะเกิดขึ้น มีโอกาสเป็นรอยแผลเป็นบริเวณศรีษะได้
  • ต้องดูแลรักษาความสะอาดของแผลเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • หากต้องการปรับแก้ ต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนใหม่

สำหรับการเสริมหน้าผากทั้ง 2 วิธี มีข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกันไป การเสริมซิลิโคน จะเหมาะกับคนที่ไม่อยากมาฉีดเติมฟิลเลอร์บ่อย ๆ เพราะผลลัพธ์อยู่ได้ถาวร แต่ถ้าต้องการปรับแก้ทรง หรือคิดจะปรับแก้ไข การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากก็จะแก้ไขได้ง่ายกว่า


ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก อันตรายไหม ?

หน้าผาก เป็นจุดที่อันตรายมาก ถ้าฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีความชำนาญ หรือ แย่กว่านั้น คือ ฉีดกับ หมอ กระเป๋า เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดที่เชื่อมไปถึงลูกตา และการฉีดหน้าผากต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ค่อนข้างมาก ต้องใช้เทคนิคพิเศษ ในการฉีดเพื่อความปลอดภัย หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น และไม่ได้แก้ไขอย่างทันท่วงที อาจทำให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีรีวิวฉีดฟิลเลอร์หน้าผากมาก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม และปลอดภัยที่สุด

Top 10 Clinics
Logo