ข้อควรรู้เกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ (Filler) หัตถการด้านเสริมความงามที่กำลังนิยม

ฟิลเลอร์ คืออะไร ? ช่วยลดริ้วรอย ชะลอวัย เห็นผลจริงไหม ? อันตรายหรือไม่ ?

2023


ในบทความนี้ วันนี้ Top 10 Clinics จะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Filler แบบเจาะลึกทุกอย่างเลยทีเดียว ก่อนตัดสินใจทำควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ทั้ง ขั้นตอน ข้อดี ข้อเสีย และข้อมูลด้านอืนๆ

ฟิลเลอร์ คือ อะไร ?

“ฟิลเลอร์” คือ สารเติมเต็มผิว ประเภท ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA ที่มีความปลอดภัย ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งด้วย 5 คุณสมบัติเด่น จึงทำให้การฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกเสริมความงามเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ฟิลเลอร์เหมาะกับการฉีดบนใบหน้า ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้ทั้งหน้า ทุกบริเวณ ทั้งใต้ตา ร่องแก้ม ปาก คาง ขมับ ร่องแก้ม แก้มตอบ และหน้าผาก หลังฉีดสามารถเห็นผลได้ทันที ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่เสียเวลาพักผ่อน สามารถเติมและปรับแต่งได้เรื่อย ๆ เนื่องจากฟิลเลอร์สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย การฉีดฟิลเลอร์ยังเป็นหัตถการที่สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น โบท็อก, ร้อยไหม หรือใช้เครื่องมือ เช่น Hifu , Ulthera และ Thermage เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรปรึกษาคุณหมอ เพื่อประเมินปัญหาผิวของแต่ละคน และเลือกวิธีที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดูเป็นธรรมชาติ และตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการ ด้วย 5 คุณสมบัติเด่น จีงทำให้การฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกเสริมความงามเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน

  1. เติมเต็มร่องลึก หรือเสริมในชั้นผิวหนังและใต้ผิวหนัง
  2. ลดริ้วรอย และชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้
  3. ปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  4. กักเก็บความชุ่มชื้น ฟิลเลอร์หน้าใส เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
  5. ช่วยให้ผิวเรียบเนียน เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์


ฟิลเลอร์มีกี่ประเภท ?

ฟิลเลอร์ หลัก ๆ แล้ว ฟิลเลอร์ที่ใช้เพื่อเสริมความงามจะมีด้วยกันอยู่ 2 ประเภท ดังนี้

1. Permanent Fillers

เป็นฟิลเลอร์ที่อยู่แบบถาวร ไม่สามารถสลายได้ หรือเป็นฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ผ่าน อย. เช่น Biosynthetic Polymers จำพวกซิลิโคนเหลว, Calcium Hydroxylapatite, Polymethylmethacrylate ฉีดแล้วแข็งเป็นก้อน ฟิลเลอร์ไหล หรือกลายเป็นพังผืด ต้องผ่าออก หรือขูดออกเท่านั้น ซึ่งหมอไม่แนะนำให้ใช้

2. Non Permanent Fillers

เป็นฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) ไฮยาลูรอนหรือกรดไฮยาลูรอนิค สามารถสลายได้ ผ่านอยฺ.ไทย มีความปลอดภัย ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยหลังฟิลเลอร์สลายสามารถฉีดเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ ครับ HA (Hyaluronic Acid) เป็นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยและได้รับความนิยมมากที่สุด มีใช้แพร่หลายทั่วโลกสามารถย่อยสลายได้เอง และฉีดเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ เพราะโดยปกติแล้วร่างกายของคนเรามี สาร Hyaluronic Acid อยู่ในผิวหนัง เมื่อเรามีอายุมากขึ้น จำนวนคอลลาเจนก็ลดน้อยลง ผิวหนังชั้น SMAS ก็เปลี่ยนไป และ Retaining ligaments หรือเส้นเอ็นยึดผิวต่าง ๆ ก็หย่อนคล้อยลง เราจึงสร้างสิ่งอื่นขึ้นมาทดแทน และสิ่งนั้นฟิลเลอร์นั่นเอง


ฟิลเลอร์ อันตรายไหม ?

ฟิลเลอร์

อย่างที่หมอบอก ฟิลเลอร์ ที่ปลอดภัยและนิยมใช้มากที่สุดคือ HA เป็นสารโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) สร้างเลียนแบบสารที่มีในร่างกายมนุษย์ตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูงมาก ฟิลเลอร์ HA จึงเป็นที่นิยมใช้ในคลินิกความงาม เมื่อมั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่นำมาฉีดเป็นฟิลเลอร์ HA แท้ ต่อมาที่ต้องระวังคือเทคนิคการฉีดของแพทย์ ต้องเลือกฉีดกับแพทย์มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคการฉีด เทคนิคการใช้เข็มที่ถูกต้อง เพื่อระวังไม่ให้ฉีดเข้าเส้นเลือดจนเกิดภาวะ Hematoma (ภาวะเลือดคั่ง) ได้


ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ?

การที่จะฉีดฟิลเลอร์ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี คุ้มค่า และ ปลอดภัย ควรศึกษาข้อมูลไว้พิจาณาในหัวข้อ ต่อไปนี้

  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
  • แพทย์มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้า สามารถวิเคราะห์ ประเมินใบหน้าและแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด
  • ใช้ฟิลเลอร์แท้ในการฉีดเท่านั้น ศึกษาวิธีตรวจสอบ ฟิลเลอร์ ด้วยตัวเอง
  • ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ในแหล่งที่เป็นกลาง คลินิกเข้าไปลบโพสต์ไม่ได้

ฉีดฟิลเลอร์ แต่ละจุดใช้กี่ CC ?

ฉีดฟิลเลอร์ แต่ละจุด จะใช้กี่ CC นั้น หมอจะเป็นคนประเมินให้ โดยดูจากความลึกของผิวและความต้องการของคนไข้ หากปัญหาเกิดจากการยุบตัวของกระดูกเนื่องจากอายุ ก็จะใช้จำนวน CC มากขึ้นตามความเหมาะสม และสามารถทยอยฉีดได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและพอใจ ไม่จำเป็นต้องเติมทีเดียว

  • ฟิลเลอร์ขมับ 2-4 CC
  • ฟิลเลอร์แก้มส้ม 1-2 CC
  • ฟิลเลอร์ปาก 1-2 CC
  • ฟิลเลอร์คาง 1-2 CC
  • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม 1-3 CC
  • ฟิลเลอร์ใต้ตา 2-4 CC
  • ฟิลเลอร์หน้าผาก 3-5 CC


ฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี ? แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร ?

ฟิลเลอร์มีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อฟิลเลอร์ก็จะมีรุ่นย่อย ๆ ลงไปอีก เหตุผลที่มีหลายรุ่น เนื่องจากผิวในแต่ละจุดก็ต้องการใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หมอแนะนำฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับความนิยมหลัก ๆ จาก 4 ประเทศ คือ อเมริกา สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศส

ฟิลเลอร์ Juvederm (อเมริกา)

ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่มีเทคโนโลยี hylacross ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับ และมีจุดเด่นเรื่องพัฒนาฟิลเลอร์ให้มีเนื้อเรียบเนียน

ฟิลเลอร์ Restylane (สวีเดน)

ฟิลเลอร์ Restylane เป็นฟิลเลอร์ที่เริ่มผลิตมายาวนานที่สุด โดยบริษัท Galderma ซึ่งเทคโนโลยีการผลิตของฟิลเลอร์ Restylane ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีอยู่ 2 เทคโนโลยีที่โดดเด่น คือ NASHA techology และ OBT technology ช่วยเรื่องความคงตัว ยืดหยุ่น ชุ่มชื้น หมอจะประเมินว่าจุดที่ฉีดควรใช้รุ่นไหน

ฟิลเลอร์ Belotero (สวิตเซอร์แลนด์)

ฟิลเลอร์ Belotero เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าโดยบริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผ่านการรับรองจากอย. สหรัฐอเมริกา ยุโรปและไทย ผลิตด้วยเทคโนโลยี CPM Technology เทคโนโลยีเฉพาะที่ทำให้ฟิลเลอร์ Belotero ขึ้นชื่อในเรื่องความยืดหยุ่นของเนื้อเจล การเกาะกันเป็นเนื้อเดียว ไม่ไหลไม่เป็นก้อน และการปั้นทรงสวย

ฟิลเลอร์ Definisse (อิตาลี)

ฟิลเลอร์ Definisse เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอิตาลี ผลิตโดย บริษัท RELIFE Menarini Group และ A.Menarini (Thailand) Ltd. ใช้เทคโนโลยี XTR™ Technology (eXcellent Three-Dimensional Reticulation) ทำให้ HA สานกันเป็นร่างแห ช่วยในการยกพยุง และปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ


ฉีดฟิลเลอร์ บริเวณไหนได้บ้าง ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

บริเวณใต้ตาเป็นจุดแรกที่หมอจะแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าครับ เพราะเมื่อเราอายุมากขึ้น กระดูกใต้ตาจะยุบตัวลง เนื้อน้อยลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อย หน้าโทรม ไม่สดใส การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยเติมเต็มร่องลึก ช่วยลดริ้วรอย และทำให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ

รีวิว ฟิลเลอร์ใต้ตา_1รีวิว ฟิลเลอร์ใต้ตา_2รีวิว ฟิลเลอร์ใต้ตา_3

ฉีดฟิลเลอร์คาง

อยากปรับรูปหน้าให้เรียวสวย แต่ไม่อยากเจ็บตัว ไม่อยากผ่าตัด การฉีดฟิลเลอร์คางก็เป็นอีกทางเลือกที่คุ้มค่าและได้ผลลัพธ์ดีไม่แพ้การผ่าตัด ฟิลเลอร์คาง ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC ก็เห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนครับ แต่การเติมฟิลเลอร์คางไม่สามารถเติมให้คางยาวลงมามาก ๆ ได้ ก่อนฉีดควรให้หมอประเมินใบหน้าว่าเหมาะสมกับการฉีดฟิลเลอร์คางหรือไม่

รีวิว ฟิลเลอร์คาง_1รีวิว ฟิลเลอร์คาง_2รีวิว ฟิลเลอร์คาง_3

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ร่องแก้มก็เป็นอีกปัญหาที่หลายคนหนักใจ การมีร่องแก้มลึก จะทำให้หน้าแก่กว่าวัย ดูไม่สดใส ซึ่งสาเหตุการเกิดร่องแก้ม มีทั้งการยุบตัวของกระดูกบนใบหน้า และการแสดงสีหน้ามาก ๆ ยิ้มเยอะจนแก้มเกิดรอยพับ เมื่อเวลาผ่านไปก็ลึกขึ้นเรื่อย ๆ การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นการแก้ไขปัญหาร่องแก้มที่ตรงจุดและเห็นผลที่สุด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ใช้ฟิลเลอร์ 1-3 CC ขึ้นอยู่กับปัญหาร่องแก้มของแต่ละคนว่าลึกมากแค่ไหน

รีวิว ฟิลเลอร์ร่องแก้ม_1รีวิว ฟิลเลอร์ร่องแก้ม_2

ฉีดฟิลเลอร์ปาก

ในปัจจุบันมีเทรนด์ฉีดฟิลเลอร์ปากหลากหลายรูปทรง ทั้งปากกระจับ ปากสายฝ. ปากเกาหลี ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถทำปากรูปทรงต่าง ๆ ได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด ถือเป็นข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น เมื่อสลายแล้วสามารถเติมใหม่หรือจะเปลี่ยนทรงปากใหม่ก็ได้เช่นกัน ฟิลเลอร์ปาก ใช้ฟิลเลอร์มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับทรงปากที่คนไข้ต้องการ ถ้าอยากเพิ่มความอวบอิ่ม ชุ่มชื้นและมีเนื้อปากเดิมอยู่แล้วใช้ 1 CC ก็เพียงพอ ยกเว้นในบางเคสที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มมาก ๆ อาจจะต้องใช้ 2 CC

รีวิว ฟิลเลอร์ปาก_1รีวิว ฟิลเลอร์ปาก_3

ฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก

แก้มุมปากตกโดยการฉีดฟิลเลอร์ลงบริเวณใบหน้าช่วงบน หรือช่วงแก้มให้ยกกระชับขึ้นไป มุมปากที่ตกก็จะยกขึ้นตาม และถ้ามีริ้วรอยรอบ ๆ มุมปากร่วมด้วย สามารถฉีดฟิลเลอร์เติมเต็ม ให้ผิวบริเวณรอบมุมปากเต่งตึงขึ้น ดูสดใส อ่อนเยาว์ขึ้นได้ การฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากใช้ฟิลเลอร์ไม่มาก ประมาณ 1-2 CC ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้ ถ้ามีปัญหาไม่มาก อยากยกมุมปากเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก หรือในเคสที่ฉีดฟิลเลอร์ยกหน้าได้

รีวิว ฟิลเลอร์ยกมุมปาก_2รีวิว ฟิลเลอร์ยกมุมปาก_3

ฉีดฟิลเลอร์ขมับ

ขมับเป็นจุดที่ถ้าไม่ได้มีปัญหามาก ๆ ขมับลึก ขมับตอบ หลายคนก็จะไม่ค่อยนึกถึง แต่จริง ๆ แล้วขมับมีส่วนสำคัญในการปรับรูปหน้าให้มีมิติ เข้ารูปมากขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ขมับจะช่วยเติมเต็มใบหน้า ดูสดใสและเด็กลง โดยฟิลเลอร์ขมับ จะใช้ฟิลเลอร์ข้างละ 1-2 CC ขึ้นอยู่กับความลึกของขมับที่ตอบลงไป

รีวิว ฟิลเลอร์ขมับ_1รีวิว ฟิลเลอร์ขมับ_2รีวิว ฟิลเลอร์ขมับ_3

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากแบนแล้ว คนยังนิยมฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเพิ่มเสริมโหงวเฮ้งด้วย แต่จะต้องใช้ฟิลเลอร์หลาย CC เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ฟิลเลอร์หน้าผาก ส่วนใหญ่จะใช้ประมาณ 1-5 CC ในเคสทั่ว ๆ ไปใช้ 1-2 CC ก็เพียงพอแล้ว แต่ในเคสที่หน้าผากยุบหรือแบนมาก ๆ จะใช้ 3-5 CC โดยทยอยฉีดได้ หมอไม่แนะนำให้ฉีดเกิน 5 CC เพราะจะทำให้เกิดการกดทับเนื้อเยื่อและบวมลงมาถึงบริเวณรอบดวงตาได้ แต่ก็จะเป็นแค่ชั่วคราวไม่เกิน 14 วันก็จะหายเป็นปกติ

รีวิว ฟิลเลอร์หน้าผาก_2
รีวิว ฟิลเลอร์หน้าผาก_3รีวิว ฟิลเลอร์หน้าผาก_4

ฉีดฟิลเลอร์จมูก

การฉีดฟิลเลอร์จมูกช่วยเสริมจมูกให้ดูโด่ง เป็นทรงขึ้นได้ก็จริง แต่เป็นหัตถการที่หมอไม่ค่อยแนะนำให้ทำ เนื่องจากการเติมฟิลเลอร์ปลายจมูกหากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญ ก็จะมีความเสี่ยงสูงที่ฟิลเลอร์จะเข้าเส้นเลือดและเข้าตาได้ และการผ่าตัดเสริมจมูกจะให้ผลการรักษาที่ได้ผลที่สวยงามกว่า การฉีดฟิลเลอร์จมูก จะเหมาะกับคนที่มีฐานจมูกอยู่บ้างแล้วและกลัวการผ่าตัดมาก ๆ ฟิลเลอร์จมูก ใช้ฟิลเลอร์ 1 CC ครับ ถ้าคนไข้สนใจฉีดฟิลเลอร์จมูก ควรปรึกษาแพทย์ให้ช่วยประเมินใบหน้า เพราะการฉีดฟิลเลอร์จมูกจะเสริมจมูกให้โด่งขึ้นมากไม่ได้

รีวิว ฟิลเลอร์จมูก_1รีวิว ฟิลเลอร์จมูก_2

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์

  1. ฟิลเลอร์ช่วยชะลอวัย หลังฉีดเห็นผลทันที และไม่ต้องพักฟื้น
  2. ฟิลเลอร์เป็นวิธีที่ปลอดภัย และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง (เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. จะมีความปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้และไม่มีปัญหาเรื่องของสารตกค้างในร่างกาย สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ)
  3. ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่มีรอยแผลเป็น
  4. ฟิลเลอร์สามารถเติมได้เรื่อย ๆ ปรับแต่งได้ (ถ้าไม่ชอบก็สามารถฉีดสลายออกได้ 100%)
  5. ฟิลเลอร์ให้ผลได้แม่นยำ สวยเป็นธรรมชาติกว่าการเติมเต็มด้วยวิธีอื่น ๆ
  6. ฟิลเลอร์เหมาะกับตำแหน่งที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม คาง
  7. ฟิลเลอร์ไม่มีความเสี่ยงในการวางยาสลบ

ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจ ฉีดฟิลเลอร์

  • ห้ามฉีดซิลิโคนเหลว ฟิลเลอร์ปลอม
  • ห้ามฉีดฟิลเลอร์กับคนที่ไม่ใช่หมอ หมอเถื่อน หมอกระเป๋า
  • เลือกฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และหมอที่มีประสบการณ์เท่านั้น
  • ฟิลเลอร์ ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร ต้องคอยเติมอยู่ประจำ
  • ไม่เหมาะกับบางตำแหน่งในร่างกาย เช่น หน้าอก สะโพก เพราะถ้าใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัย จะต้องใช้ฟิลเลอร์ปริมาณมาก หลายร้อย cc ราคาอาจจะสูงเกิน 1 ล้านบาท (บริเวณเหล่านี้ ใช้การผ่าตัดเสริมจะดีที่สุด)
  • ต้องฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น เพื่อความปลอดภัย

การฉีดฟิลเลอร์ แม้จะเป็นสารเติมเต็มที่ไม่อันตราย แต่ก็มีข้อควรระวังเรื่องบริเวณที่จะฉีด เช่น หน้าอก สะโพก ที่เมื่อฉีดเข้าไปแล้วอาจทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อได้ การแก้ไขก็อาจทำให้เต้านมผิดรูป ดังนั้น ถ้าอยากเสริมหน้าอกหรือสะโพก ควรให้หมอแนะนำ เรื่องผ่าตัดศัลยกรรม


ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์

  1. ปรึกษาแพทย์ ก่อนตัดสินใจฉีดควรนัดเข้ามาปรึกษาปัญหาและให้หมอช่วยประเมินใบหน้า เพื่อเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุด
  2. เลือกชนิดของ ฟิลเลอร์ และรุ่นที่เหมาะสม แพทย์จะช่วยประเมินใบหน้า และแนะนำฟิลเลอร์ว่าควรใช้รุ่นไหน ยี่ห้อไหน ให้เหมาะสมกับจุดที่ฉีด
  3. ทำความสะอาดใบหน้าในจุดที่ฉีด ถ้าแต่งหน้ามาก็จะมีการเช็ดเครื่องสำอางในบริเวณที่จะฉีด เพื่อความสะอาดและปลอดภัย
  4. ก่อนเริ่มฉีดฟิลเลอร์ ตรวจสอบว่าเป็นของแท้ ควรให้หมอแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นของแท้จริง ๆ
  5. ฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ 5-10 ปี
  6. แปะยาชาและประคบน้ำแข็งก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อช่วยลดความเจ็บจากเข็ม แต่ในเนื้อฟิลเลอร์บางรุ่นจะมียาชาผสมอยู่แล้วก็จะช่วยลดความเจ็บจากเข็มได้ด้วยเช่นกัน
  7. หมอแนะนำวิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ หลังจากฉีดฟิลเลอร์เรียบร้อยแล้วหมอจะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อรักษาให้ฟิลเลอร์เข้าที่และอยู่ได้นานขึ้น
  8. หลังฉีดฟิลเลอร์มีการนัดติดตามผลหลังทำทุกเคส

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์

2 อาทิตย์ ก่อนฉีดฟิลเลอร์

  • ศึกษาข้อมูลที่จำเป็น ทั้งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน การเลือกหมอ เทคนิคในการทำและรีวิว
  • รู้ข้อมูลฟิลเลอร์ วิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี คุ้มค่า

1 อาทิตย์ ก่อนฉีดฟิลเลอร์

  • งดยาแอสไพริน, NSAIDs,
  • งดวิตามิน St. John’s Wort, ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E
  • งดยาทาผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A), Retinols, Retinoids, Glycolic Acid หรือครีมในกลุ่ม Anti-Aging ทุกชนิด 3 วันก่อนทำหัตถการ
  • งดการแว็กผิว ผลัดเซลล์ผิว การดึงขนหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์ 3 วันก่อนทำหัตถการ
  • งดคอร์สเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีดฟิลเลอร์
  • หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง

4 ชม. ก่อนฉีดฟิลเลอร์

  • งดดื่มแอลกอฮอล์
  • งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายชนิด Cardio
  • เมื่อมาถึงคลินิก แพทย์จะพิจารณาให้กินยาห้ามเลือดหรือฉีดยาลดบวมในบางเคส เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมช้ำ อักเสบติดเชื้อ
  • สามารถแจ้งเพื่อขอแปะยาชาและฉีดยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์ หรือเลือกฉีดยาชาอย่างเดียวได้


การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

หลังฉีดฟิลเลอร์ทันที

  • อาจมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ คัน หลีกเลี่ยงการแตะ เกา นวด คลึง
  • หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ ดื่มแอลกอฮอล์
  • ประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
  • หากไม่ได้รับประทานยาฆ่าเชื้อ หลังฉีดฟิลเลอร์ให้รับประทานยาฆ่าเชื้อทันที
  • งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึก อย่างน้อย 1 เดือน
  • อย่าขยับใบหน้าเยอะ โดยเฉพาะในช่วง 3 วันแรกหลังฉีดฟิลเลอร์

3 ชม.หลังฉีดฟิลเลอร์

  • รอยเข็มฟิลเลอร์สามารถโดนน้ำได้ไม่เกิน 15 นาที ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ ได้
  • หากยังมีอาการบวมมาก สามารถประคบน้ำแข็ง และไม่ควรกดแรง ๆ

ช่วงกลางคืนหลังฉีดฟิลเลอร์

  • หลังยาชาหมดฤทธิ์ หากรับประทานยาแก้ปวดที่คลินิกจ่ายให้แล้วยังมีอาการปวดมากขึ้น สามารถรับประทานยาแก้ปวดกลุ่มอื่นช่วยเสริม เช่น ibuprofen, arcoxia, diclofenac หากไม่เคยใช้ยากลุ่มนี้มาก่อน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
  • นอนในห้องอุณหภูมิ 18-23 °C
  • นอนหัวสูงกว่าหน้าอก หนุนหมอน 2 ใบ
  • ไม่ควรนอนตะแคงในช่วง 2-3 วันแรก และควรหาหมอนข้างมากันซ้าย-ขวาใน 2-3 คืนแรก เพื่อป้องกันการกดทับหน้า

24 ชม. หลังฉีดฟิลเลอร์

  • จะเริ่มมีอาการบวมเข็มมากขึ้น จนอาจเข้าใจผิดว่าฟิลเลอร์ฟูขึ้น แต่เมื่อผ่านไป 7-14 วัน อาการบวมเข็มยุบลง โดยฟิลเลอร์ไม่ได้สลายไปแต่เริ่มเข้าที่

48 ชม. หลังฉีดฟิลเลอร์

  • ทาครีมทับบริเวณรอยเข็มได้ หรือโดนน้ำได้ปกติ

3 วัน หลังฉีดฟิลเลอร์

  • อาการปวดบวมแดงเริ่มดีขึ้น
  • ขยับใบหน้าที่เกือบเท่าปกติ ฟิลเลอร์เข้าที่ประมาณ 90% ไม่ควรกดหรือนวดแรง ๆ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์

7-10 วัน หลังฉีดฟิลเลอร์

  • รอยเขียวช้ำที่มีจะค่อย ๆ จางลงใน 14 วัน ไม่ควรประคบร้อน
  • หากคลำเจอฟิลเลอร์ เป็นเรื่องปกติครับ ฟิลเลอร์จะค่อย ๆ นิ่มลงเองใน 2-3 สัปดาห์

14 วันหลังฉีดฟิลเลอร์

  • ออกกำลังกายและรับประทานอาหารได้ตามปกติ
  • พยายามหลีกเลี่ยงความร้อน
  • อาการบวมหายเกือบ 100% ฟิลเลอร์จะเริ่มนิ่มลงและกลืนไปกับผิว ยกเว้นฟิลเลอร์ในรุ่นที่ฉีดในผิวชั้นลึกเพื่อยกพยุงหน้าในผิวชั้นลึก จะคลำได้เนื้อฟิลเลอร์ในผิวชั้นลึก แต่จะมองไม่เห็นจากภายนอก


อาการข้างเคียงหลังการฉีดฟิลเลอร์

หลังฉีดฟิลเลอร์ หมอจะแปะพลาสเตอร์ปิดรอยเข็ม ในระหว่างนี้คนไข้อาจมีอาการบวมแดงจากเข็มเป็นปกติ อาการบวมจะค่อย ๆ หายไปใน 1-2 สัปดาห์ และจะมีรอยเข็มเล็ก ๆ ในจุดที่ฉีด และจะหายไปเองใน 2-3 วัน ไม่ต้องกังวล


ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร ?

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ เทคนิคการฉีดของหมอ และลักษณะกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีด แต่สาเหตุของการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ส่วนใหญ่คือหมอไม่มีประสบการณ์ และเทคนิคในการฉีด คือ ฉีดฟิลเลอร์ตื้นเกินไป บริเวณที่พบบ่อยคือร่องแก้มและใต้ตา


ฉีดฟิลเลอร์ปลอม อันตรายอย่างไร ?

ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ปลอม คือทำให้ผิวบริเวณนั้นติดเชื้อ อักเสบ ผิวหนังเป็นผื่น คัน เป็นก้อน ไม่ Smoothness ทำให้ใบหน้าเสียทรง หรือที่ร้ายแรงกว่านั้นอาจทำให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือด จนทำให้ผิวหนังบริเวณไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง ผลที่ได้คือผิวหนังบริเวณนั้นเกิดภาวะ Skin Necrosis (ภาวะเนื้อตาย) ในที่สุด

Top 10 Clinics
Logo