“ในปัจจุบันการเสริมจมูกเป็นหัตถการที่ได้รับความนิมยมมาก ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง สำหรับคนที่อยากเสริมจมูกแต่กลัวการผ่าตัด “การร้อยไหมจมูก” จึงเป็นอีกทางเลือกในการปรับทรงจมูก”
ร้อยไหมจมูก คือ ?
การร้อยไหมจมูก (Nose threadlift) เหมาะกับคนที่มีฐานจมูกเดิมอยู่บ้าง สันจมูกไม่คม เนื้อจมูกน้อย ปีกจมูกกว้าง จมูกไม่ได้รูปปลายจมูกไม่สวย “การร้อยไหมจมูก” ช่วยให้ดั้งโด่งได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องกลัวซิลิโคนทะลุ ไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม รวมถึงคนที่ต้องการเติมเฉพาะจุด เช่น เสริม เฉพาะ สันจมูก ให้หนา เป็นสัน หรือ แก้ปลายจมูก ให้ได้รูป
การเสริมจมูกด้วยวิธีการร้อยไหม คือ การนำไหมร้อยเข้าไปในจมูก ซึ่งเป็นไหมชนิดที่ สามารถละลายเข้าไปใต้ผิวได้หมด โดยไหมที่ใส่เข้าไป จะช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาห่อหุ้มไหม ในขณะที่ไหมจะค่อยๆ ละลายไปเองภายใน 6–24 เดือน ขึ้นกับชนิดของไหมที่แพทย์เลือกใช้ จมูกที่ทำการร้อยไหมสามารถโยกได้ ขยับได้ ทุกมุม 360 องศา ไม่ต้องกลัว การกระแทก หรือ ทะลุ และ มีความเป็นธรรมชาติ ค่อนข้างสูง
ร้อยไหมจมูกเหมาะกับใคร ? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
- ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดเสริมจมูก ไม่มีเวลาพักฟื้น
- มีปัญหาดั้งจมูกไม่คม เห็นสันจมูกไม่ชัด ต้องการเพิ่มความคมชัดให้กับสันจมูก
- ผู้ที่มีฐานจมูกเดิมอยู่บ้าง ต้องการปรับรูปจมูกให้โด่งมากขึ้น
- ผู้ที่มีจมูกเอียง หรือสันจมูกเบี้ยว จากการผ่าตัดเสริมจมูก
- สามารถใช้ไหมปรับทรงและยกปลายจมูกให้พุ่ง มีมิติมากขึ้นได้
- สามารถเก็บปีกจมูก ปรับยกทรงจมูกได้
- สามารถร้อยไหม บริเวณปลายจมูกเพื่อช่วยดึงทรงจมูกให้โด่งขึ้นเป็นธรรมชาติได้
ใครบ้างไม่เหมาะกับการร้อยไหมจมูก ?
- ผู้ที่ไม่มีฐานจมูก ไม่สามารถร้อยจมูกในปริมาณที่ต้องการได้ เพราะจะทำให้อีลาสติน (Elastin) ซ้อนทับกันหลายชั้นมากเกินไป ก่อให้เกิดพังผืด ดึงรั้งจมูกในอนาคตได้ อาจทำให้จมูกผิดรูป คนไข้ที่มีฐานจมูกเดิมน้อย แนะนำให้ผ่าตัดเสริมจมูก
อีกกรณีหนึ่งที่ต้องแจ้งคนไข้ให้ทราบก่อนตัดสินใจคือ อนาคตหากเคยร้อยไหมจมูกมาแล้ว แต่ต้องการผ่าตัดเสริมจมูก จะมีผลเสียต่อการยึดเกาะของแท่งซิลิโคนที่จะผ่าตัดเสริมจมูก ถ้ามี plan จะเสริมจมูกในอนาคต แนะนำว่าไม่ควรทำการร้อยไหมเสริมจมูก
ร้อยไหมจมูก อันตรายไหม ?
การเสริมจมูกมีหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันไป ถ้าเลือกร้อยไหมจมูกกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในคลินิกที่ได้มาตรฐานก็มีความปลอดภัย และลดความเสี่ยงอื่นๆ ที่อันตรายได้ อันตรายจากการร้อยไหมจมูก เช่น ถ้าในขั้นตอนการทำ แพทย์แทงเข็มไปถูกเส้นเลือดฝอยในจมูก ก็จะทำให้เกิดการช้ำเป็นจ้ำได้
หลังร้อยไหม เสร็จจะมีแผลจากรอยเข็ม หากไม่ทำความสะอาดและใช้พลาสเตอร์แปะรอยเข็มไว้ อาจทำให้เชื้อโรคเข้าไปที่แผลและติดเชื้อได้ แต่โดยปกติแพทย์จะทำความสะอาดและใช้พลาสเตอร์ปิดรอยเข็มทันทีเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
ข้อดีของการ ร้อยไหมจมูก
การร้อยไหมจมูกเป็นการเสริมจมูกที่มีความเป็นธรรมชาติมาก เหมาะกับคนที่มีฐานจมูกเดิมอยู่บ้างแล้วแค่ต้องการความคม หรือในคนที่สันจมูกสวยอยู่แล้วแต่ต้องการยกแค่ปลายจมูกขึ้น (ใช้เทคนิควิธีร้อยไหมจมูกแบบพิเศษ) สำหรับข้อดีของการร้อยไหมจมูก
- ไม่ต้องพักฟื้น
- ไม่บวม ไม่ช้ำ แผลเล็ก
- เหมาะกับคนที่กลัวการผ่าตัด
- การร้อยไหมจมูกจะขึ้นเป็นสันได้คมกว่าฟิลเลอร์
ข้อเสียของการ ร้อยไหมจมูก
ข้อเสีย คือ ไม่เหมาะกับคนที่ไม่มีฐานจมูก เนื่องจากเส้นไหมไม่สามารถร้อยจมูกในปริมาณเยอะๆ ได้ เพราะจะทำให้ elastin ซ้อนทับกันหลายชั้นมากเกินไปและเกิดเป็นผังผืดให้ดึงรั้งจมูกในอนาคต สำหรับไหมเส้นเล็กไม่ควรร้อยเกิน 60 เส้น สำหรับไหมเส้นใหญ่ไม่ควรร้อยเกิน 16 เส้น
ข้อควรระวังอีกข้อของการร้อยไหมเสริมจมูก คือ ต้องใช้ระยะเวลาในการละลาย ไม่มียาที่ฉีดสลายได้ ดังนั้นการร้อยไหมเสริมจมูกควรใช้จำนวนเส้นน้อยๆ ไว้ก่อน หากครบ 1 เดือน ดูผลแล้วต้องการให้โด่งมากขึ้นค่อยร้อยเพิ่ม ดีกว่าร้อยเข้าไปมากเกินแล้วโด่งเกินไปไม่ถ้าชอบ ก็ต้องรอเวลาให้ไหมละลาย มีความยุ่งยากในการแก้ไข
เส้นไหมอะไรที่นิยมใช้ ร้อยไหมจมูก ?
การร้อยไหมจมูก ชนิดไหมที่เป็นที่นิยม ได้แก่
- ไหม pdo เป็นไหมที่นิยมใช้กันมาอย่างยาวนาน เส้นไหมมีความยืดหยุ่นสูง มีความอ่อนนิ่ม ไม่เปราะหักง่าย เวลาร้อยไหมเข้าไปแล้วจะไม่รู้สึกระคายเคือง
- ไหม plla เส้นเล็ก เป็นวัสดุที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้มากที่สุด และ ตัวเส้นไหมเองก็อยู่ได้นาน 12-18 เดือน จึงได้ผลดี
- ไหม pcl + plla เส้นใหญ่ เป็นรุ่นที่พัฒนาล่าสุด อยู่ได้นาน 18 เดือน – 2 ปี กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อจมูกได้มากที่สุด สามารถร้อยด้วยวิธีร้อยไหมจมูก วิธีพิเศษ เพื่อยกปลายจมูกได้ และ ไม่บวม ไม่ช้ำ เนื่องจากใช้เข็มทู่ในการร้อยไหม
ร้อยไหมจมูก อยู่ได้กี่เดือน ?
ในการร้อยไหมจมูก ระยะเวลาอยู่ได้นานหรือไม ขึ้นอยู่กับ ไหมที่ใช้ และ การปฎิบัติดูแลตัวเองหลังร้อยไหมเสร็จด้วย
- ไหม pdo อยู่ได้นาน 6-8 เดือน หลังร้อยไหม เมื่อไหมละลายหมดไปแล้ว แต่ก็สามารถกระตุ้นให้ร่างกายเราสร้างเนื้อเยื่อจมูกของเราเองขึ้นมาได้ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้จมูกเป็นสันได้รูป ดูสวยเป็นธรรมชาติ
- ไหม plla เป็นไหมที่สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ สามารถอยู่ได้ประมาณ 12 – 18 เดือน
- ไหมละลายก้างปลา pcl+plla รุ่นล่าสุดก็อยู่ได้นาน 18 เดือน – 24 เดือน
การเตรียมตัวก่อนร้อยไหมจมูก
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการร้อยไหมจมูก ทั้งข้อดี ข้อเสีย รวมถึงเปรียบเทียบกับการเสริมจมูกด้วยวิธีอื่นๆ
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ให้คำปรึกษาและทำหัตถการโดยแพทย์เท่านั้น
- ดูรีวิวร้อยไหมจมูก จากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ
- ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชั่วโมง
- นวดหน้า หรือ เลเซอร์ต่างๆ ควรทำมาก่อน อย่างน้อย 3 วัน
- งดยาและอาหารเสริมบางชนิด เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เช่น ยาแอสไพริน, NSAIDs วิตามิน St. Johns Wort, ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E แต่ถ้าเป็นยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ คนไข้ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาก่อนหยุดยา
ขั้นตอนการร้อยไหมจมูก
1. ควรงดกลุ่มยา แอสไพริน กลุ่มวิตามิน เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ
2. เริ่มแรกคุณหมอจะวิเคราะห์ โครงหน้า รูปทรงจมูก และคำแนะนำ
3. คุณหมอจะเริ่มการฉีดยาชา รอจนยาชาออกฤทธิ์ ประมาณ 20-40 นาที
4. จากนั้นคุณหมอก็จะทำการร้อยไหมเข้าไปในจมูก ขณะทำจะไม่รู้สึกเจ็บมาก เพราะมีฤทธิ์ของยาชา
5. เมื่อเสร็จ คุณหมอจะให้เราดูว่าพอใจไหม และเก็บรายละเอียดให้จนกว่าจะพอใจ
6. สำหรับแพทย์ที่มีความชำนาญจะสามารถปรับความเอียง ตรง ของจมูก
7. หลังทำเสร็จ อาจมีอาการบวมช้ำเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ในช่วง 7-14 วัน หลังจากครบ 1 เดือน จมูกจะเข้าที่และได้รูปมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
วิธีดูแล และข้อห้าม หลัง ร้อยไหมจมูก
- หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกาและกดนวดบริเวณที่ร้อยไหม
- รับประทานยา ฆ่าเชื้อ ตามแพทย์สั่ง อย่างเคร่งครัด
- อาจมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำเป็นปกติ จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน (หากหลังจาก 3 วันไปแล้ว มีอาการบวมมากขึ้นให้ติดต่อกลับมาที่คลินิกเพื่อรับยากินเพิ่ม)
- ควรประคบเย็น ตามคำแนะนำของแพทย์ในบางกรณีเท่านั้น เพราะอาจทำให้ไหมที่ร้อย เกิดการเคลื่อน และ ไม่เกาะผิวได้
- ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด รวมถึงกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง อย่างน้อย 48 ชม. เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ หมูกระทะ ชาบู อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดอาหารหมักดอง และ อาหารทะเล อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดอาหารที่มีรสเผ็ดมากๆ อาหารหวานจัด และ อาหารดิบจากร้านที่ไม่สะอาด อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะจะทำให้ยุบบวมช้าและส่งผลการรักษาอยู่ได้สั้นลง