ร้อยไหม คืออะไร ? ยกกระชับหน้าหย่อนคล้อย ทำแล้วเห็นผลทันทีจริงหรือ ?
ร้อยไหม คือ ?
การร้อยไหม ( Thread Lifting ) คือ การใช้ไหมละลาย (ปัจจุบันนิยมใช้ไหมก้างปลาที่มีเงี่ยง) โดยเป็นการร้อยไหม เข้าไปในชั้นผิวหนังโดยใช้เข็มนำเส้นไหม ซึ่งถ้าร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ผิวก็จะถูกเงี่ยงเกี่ยวขึ้นมาตามเส้นไหมในทิศทางที่ร้อยไหมเข้าไป คล้าย ๆ ตะขอเกี่ยว และบริเวณนั้นจะเกิดการสร้างเส้นใยอิลาสตินขึ้นมาช่วยประคองผิว ในการร้อยไหมดึงหน้านั้น จะมีจุดที่ดึงบริเวณแก้มส่วนล่าง และมีจุดที่ยึดอยู่บริเวณขมับ เมื่อดึงเข้าหากันจึงสามารถยกแก้มที่หย่อนคล้อนขึ้นมาได้ จึงนิยมใช้การร้อยไหมดึงหน้า ปรับรูปหน้า ยกกระชับหน้า กรอบหน้า สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ จึงเป็นหนึ่งในนวัตกรรมเสริมความงาม ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ช่วยยกกระชับผิวให้เต่งตึง ทำให้ผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัยโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด และมีค่าใช้จ่ายไม่สูง
ร้อยไหม ฟิลเลอร์ โบท็อก Hifu Thermage Ulthera แตกต่างกันอย่างไร ?
เมื่อเปรียบเทียบการร้อยไหม กับหัตถการอื่น ๆ เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อก Hifu สามารถสรุปได้ ดังนี้
- ร้อยไหม เหมาะสำหรับคนที่ผิวหย่อนคล้อย มีแก้มหย่อนมาก ๆ ร้อยไหมแล้วเห็นผลได้ชัดเจน
- Hifu เหมาะสำหรับคนที่แก้มหย่อน มีริ้วรอยไม่มาก และต้องการยกกระชับ
- ฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ปัญหาร่องลึกบนใบหน้า ที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูก
- โบท็อก เหมาะกับคนที่อยากปรับหน้าเรียว ด้วยการลดกราม และช่วยริ้วรอยบริเวณหางตา-หน้าผาก
- Thermage เหมาะกับคนที่มีชั้นไขมันเยอะ ต้องการยกกระชับผิว ลดริ้วรอย ลดไขมันสะสมใต้ผิวหนัง
- Ulthera เป็นการยกกระชับหน้าที่จะเน้นกระตุ้นลงลึกถึงชั้นผิว เหมาะกับคนที่มีชั้นไขมันน้อย มีริ้วรอยในระดับที่ไม่ลึกมาก ต้องการลดริ้วรอยร่องแก้ม-ใต้ตา เก็บกรอบหน้า ลดสัดส่วนบริเวณลำคอ เหนียง หน้าอก ต้นแขน หน้าท้อง
ร้อยไหม บริเวณไหนได้บ้าง ?
โดยปกติคนจะคิดว่าการร้อยไหมร้อยได้เฉพาะบริเวณกรอบหน้า เพื่อปรับรูปหน้าเท่านั้น แต่ความจริงแล้วไหมมีหลายชนิด หลายขนาด ซึ่งจะเหมาะกับการร้อยในแต่ละบริเวณที่แตกต่างกันไป จุดที่สามารถร้อยไหมได้ มีดังนี้
- ร้อยไหมหน้าเรียว
- ร้อยไหมยกมุมปาก , แก้ริ้วรอยเล็กๆ บริเวณมุมปาก
- ร้อยไหมจมูก , ร้อยไหมปีกจมูก
- ร้อยไหมหน้าผาก (ใช้ไหมเส้นเล็กในเคสที่ดื้อโบท็อก)
- ร้อยไหมคอลลาเจน
- ร้อยไหมเหนียง (ไม่แนะนำให้ทำ เพราะ Collagen จะถูกสร้างขึ้นมาตรงที่มีไหมอยู่ และทำให้มีเนื้อเยอะขึ้น)
- ร้อยไหม foxy eyes ร้อยไหมยกหางตา แก้ปัญหาคิ้วตก เพิ่มความเฉี่ยวให้ตาดูคมขึ้น
ไหมที่ใช้ร้อยไหม มีกี่แบบ ?
ไหมที่นิยมนำมาใช้ จะเป็นไหมที่ผลิตจากโพลีไดอ๊อกซาโนน (polydioxanone) ซึ่งเป็นไหมที่ใช้ในการเย็บแผล ได้ตามมาตรฐานของการทำศัลยกรรมตกแต่ง ปัจจุบันไหมจะมีด้วยกันอยู่ 2 แบบ คือ
- ไหมละลาย เป็นไหมที่ได้การรับรองความปลอดภัยจาก อย.ประเทศไทย และ FDA จากอเมริกา ทำด้วยวัสดุ polydioxanone หรือ polycaprolactone หลังร้อยไหมเมื่อเวลาผ่านไป สามารถละลายได้โดยอาศัยกลไกตามธรรมชาติของร่างกาย ไม่มีสารตกค้าง ไม่มีผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อน ไม่มีปฏิกิริยาต่อผิวหนัง และได้รับความนิยมมากในประเทศไทย สามารถสลายได้เองภายใน 8 เดือน
- ไหมไม่ละลาย ไหมไม่ละลาย เป็นไหมจำพวก ไหมทองคำ Gold Thread เป็นไหมที่ทำมาจากทองคำ 99.99% หลังร้อยมีข้อจำกัดมาก ห้ามทำเลเซอร์ ไม่สามารถทำ MRI scan ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้โลหะ การร้อยไหมทองคำจะอยู่ได้นานมาก 8-15 ปี และอาจมีสารตกค้างที่ไม่พึงประสงค์
ชนิดของไหมละลาย
การแบ่งไหมตามวัสดุและขนาดของเส้นไหม หลักๆ แบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่ PDO PLLA และ PCL
- PDO เป็นไหมที่คนนิยมใช้กันมานานที่สุด มีความยืดหยุ่นมาก มีความอ่อนนิ่ม ไม่หัก ไม่เปราะ เวลาร้อยไหมเข้าไปแล้วจะไม่รู้สึกระคายเคือง แต่ข้อเสียคือมีอายุการใช้งานสั้น ไม่เกิน 6 เดือนครับ
- PLLA จุดเด่นคือความแข็ง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี แต่ข้อเสียคือเปราะหักง่ายเลยไม่ค่อยเป็นที่นิมยม
- PCL เป็นไหมตัวใหม่ล่าสุด จุดเด่นคือความยืดหยุ่นมีส่วนผสมของ PLLA ในสัดส่วนที่เหมาะสมด้วย จึงทำให้ PCL+PLLA เป็นวัสดุเส้นไหมที่ดีที่สุดในตอนนี้ อยู่ได้ 1 ปี
ลักษณะของเส้นไหมที่ใช้ในการร้อยไหม
1. ไหมก้างปลา
เป็นเส้นไหมที่มีเงี่ยงยื่นออกมา ช่วยเกี่ยวผิวให้ยกกระชับขึ้น แบ่งออกตามขนาดเส้นไหม
- ไหมเงี่ยงใหญ่ : ไหมก้างปลาเส้นใหญ่ เงี่ยงใหญ่ จะละลายช้าและอยู่ได้นาน
- ไหมเงี่ยงเล็ก : เข็มเล็ก ร้อยง่าย บวมช้ำน้อย แต่ไหมจะเส้นเล็กและอยู่ได้ไม่นาน
2. ร้อยไหมเรียบ เส้นไหมเรียบ (Mono threads)
เป็นไหมเส้นเล็กๆ ช่วยเรื่องริ้วรอย แต่ไม่สามารถช่วยดึงยกกระชับผิวได้ ปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้ว
3. ร้อยไหมกรวย เส้นไหมกรวย
ไหมกรวย silhouette เป็นวัสดุ PLLA เส้นค่อนข้างเล็ก ไม่ช่วยยกกระชับผิวและราคาสูงมาก จึงไม่เป็นที่นิยม
4. ร้อยไหมไหมเกลียว เส้นไหมเกลียว (Screw threads)
คล้ายไหม PDO เส้นเรียบ แต่มีลักษณะเหมือน 2 เส้นรวมกันทำให้เป็นคล้ายเกลียว ไม่เหมาะกับการยกกระชับและมีปัญหาเรื่องการบวมช้ำหลังร้อยไหม
5. ไหมคอลลาเจน
ความจริงแล้วไหมคอลลาเจน ไม่ใช่ชื่อไหมนะ เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อเหตุผลทางการตลาด ใช้เรียกไหมที่ร้อยเพื่อสร้างคอลลาเจน กระชับรูขุมขน ลดริ้วรอยเล็กๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไหมเรียบ (mono) และต้องใช้ไหมจำนวนมาก ตั้งแต่ร้อยไหม 20 ถึง 40 เส้น
6. ไหมอิตาลี
ส่วนมากคลินิกในไทยจะนิยมใช้ไหมที่นำเข้ามาจากประเทศเกาหลี มีเพียงไหมอิตาลี (Italian Thread Lift) ที่ส่งตรงมาจากประเทศอิตาลี ซึ่งคุณสมบัติเด่นของไหมอิตาลี คือจะผลิตด้วยวัสดุที่ผสมผสานกันระหว่าง PLLA และ PCL จึงทำให้วัสดุมีความยืดหยุ่น และอุ้มน้ำได้ดี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้
7. ไหมมิ้นท์ (Mint Lift)
ไหมมิ้นท์ เป็นไหมละลายชนิดล่าสุดที่ได้มีการพัฒนาเพื่อช่วยในเรื่องการยกกระชับหน้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเส้นไหมจะมีลักษณะพิเศษคือสามารถหมุนได้ 360 องศา เพื่อช่วยในการยึดเกาะเนื้อเยื่อได้หลายทิศทาง ตัวไหมแข็งแรง ไม่เปราะง่าย เห็นผลดีในการยกกระชับหน้า ผ่าน อย.
8. ไหมตาข่าย (Tesslift Soft)
ไหมตาข่าย เป็นไหมละลายที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องความแข็งแรงของเส้นไหม ทนแรงต้านได้ดีกว่าไหมทั่วไปถึง 80 เท่า เพราะการใช้ไหมตาข่าย 1 เส้น เทียบเท่ากับการร้อยไหม 2 เส้นทำให้สามารถช่วยในเรื่องการยกกระชับและพยุงผิวที่หย่อนคล้อยได้ดี ผ่านการรับรองจาก CE Approved (European Conformity)
เข็มที่ใช้ร้อยไหม
ในการร้อยไหม จะมีการใช้เข็มลักษณะต่างๆ เพื่อนำเส้นไหมเข้าสู่ชั้นผิว เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมเลือดและบวมน้ำ หมอต้องมีความชำนาญและประสบการณ์เลือกใช้เข็มได้อย่างเหมาะสม เข็มแต่ละชนิดมีข้อดีและข้อเสีย แตกต่างกันไป ดังนี้
- เข็มแหลม จะตัดผ่านเนื้อคล้ายๆการใช้มีดคมๆ ตัด เจ็บน้อยกว่า บวมน้ำน้อยกว่าบวมเลือด โดยเส้นเลือดเล็กๆ ที่โดนตัดผ่านจะสมานได้ไวกว่าการใช้เข็มทู่ แต่ถ้าโดนเส้นเลือดใหญ่ก็จะมีโอกาสบวมเลือดได้ การใช้เข็มแหลมต้องอาศัยประสบการณ์และความระมัดระวังของแพทย์สูง
- เข็มทู่ จะมีโอกาสเกิดการบวมน้ำได้ โดยเข็มจะผ่านเนื้อโดยการฉีกออกคล้ายๆ การใช้มีดทื่อๆตัด จะเจ็บมากกว่าเข็มแหลม สามารถหลบเส้นเลือดใหญ่ๆ ได้
- เข็มตัด เข็มตัดเป็นเข็มกึ่งแหลม กึ่งทู่ ปลายเข็มมีลักษณะคล้ายหลอด มีความคมแต่ไม่ได้แหลมเท่าเข้มแหลม
- เข็ม L เป็นการพัฒนาต่อจากเข็มตัดอีกขั้น
ข้อดีของการร้อยไหม
ช่วยลดความหย่อนคล้อย มีคุณสมบัติช่วยทำให้ใบหน้าที่หย่อนคล้อยมีความกระชับ ริ้วรอยแลดูจางลง ใบหน้าได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น
- ช่วยปรับรูปหน้าเรียว V shape มีสัดส่วน ผิวดูเต่งตึง อ่อนกว่าวัยโดยที่ไม่ต้องผ่าตัด
- ไหมจะช่วยประคองผิวคล้ายเส้นเอ็นบนใบหน้า เส้นไหมละลายจะถูกสอดลงในชั้นผิวหนังตามโครงสร้างของใบหน้าของแต่ละคน เมื่อสอดลงไปแล้ว ผิวจะถูกเงี่ยงเกี่ยวขึ้นมาตามแนวเส้นไหมที่คล้ายกับตะขอดึง เมื่อดึงแล้วใบหน้าที่หย่อนคล้อยก็จะมีความกระชับขึ้น ดูเต่งตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน เมื่อร้อยไหมไปแล้วก็จะเกิดเป็นเส้นใยอิลาสตินเพื่อช่วยประคองผิวหรือพยุงผิว และช่วยกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน ทำให้ผิวหน้าเต่งตึงกระชับ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตมาเลี้ยงชั้นผิวหนัง ทำให้บางคนเข้าใจและเรียกว่าร้อยไหมหน้าใสได้
- ปลอดภัย ละลายหมด 100% ไม่มีสารตกค้าง ไหมที่มีคุณภาพ สามารถเข้ากันได้ดีกับผิวหนัง สลายได้ 100% โดยไม่มีสารตกค้าง หลังจากทำเสร็จเห็นผลทันที ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
การร้อยไหม เหมาะกับใคร ? ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?
โดยหลักการการร้อยไหมจะช่วยในเรื่องการยกกระชับเป็นหลัก โดยสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
- ผู้ที่ใบหน้าไม่ได้สัดส่วน ไม่มีมิติ ต้องการปรับรูปหน้าเรียว วีเชฟ
- ผู้ที่มีแก้มหย่อนคล้อย แก้มห้อย ส่วนใหญ่ปัญหานี้จะเกิดกับคนที่เริ่มมีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป (Older Skin) เนื่องจากจำนวน Elastin ในชั้นผิวลดน้อยลง ร้อยไหมดึงหน้า ยกกระชับผิว ที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึง
- ผู้ที่ยังมีอายุไม่เยอะ (Younger Skin) แต่รูปหน้ามีความหย่อนคล้อย ก็สามารถร้อยไหมได้เช่นกัน
- ผู้ที่มีผิวไม่เต่งตึ่ง สามารถร้อยไหมเพื่อเพิ่มคอลลาเจน ลดริ้วรอยให้ผิว
การเตรียมตัวก่อนร้อยไหม
- ศึกษาข้อมูลความรู้ต่างๆเกี่ยวกับการร้อยไหมอย่างละเอียด เช่น การเลือกคลินิก การเลือกหมอ และเทคนิคในการทำ เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัย และช่วยลดความกังวล เกี่ยวกับผลข้างเคียงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
- ควรงดยา แอสไพริน , NSAIDs 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ และควรปรึกษาแพทย์ที่รักษาอยู่ก่อนจะหยุดยานั้นๆ
- ควรงดวิตามิน ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng, and Vitamin E ก่อนทำหัตถการ 1 อาทิตย์
- ควรงดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว หรือ ครีมในกลุ่ม “Anti-Aging” ทุกชนิด เป็นเวลา 3 วันก่อนทำหัตถการ
- ควรงดการแว็กผิว ผลัดเซลล์ผิว การดึงขนหรือโกนขนในบริเวณนั้นๆ เป็นเวลา 3 วันก่อนทำหัตถการ
- หากมีคอร์สทำหน้านวดหน้าหรือเลเซอร์ต่างๆ ที่ต้องทำเป็นประจำ ควรทำมาก่อนอย่างน้อย 3 วันก่อนร้อยไหม และหลังทำต้อง เว้นอีก 2 อาทิตย์
- หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่กินเป็นประจำอื่นๆ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ
- ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชม. ก่อนทำ เช่น เข้าซาวน่า, cardio
- ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชม. ก่อนทำ
ข้อควรระวัง ของ การร้อยไหม
- การร้อยไหมไม่ใช่การผ่าตัด แต่ก็มีความเจ็บจากการฉีดยาชาและจากการร้อยไหม
- การร้อยไหมมีโอกาสทำให้ เกิดอาการผิวหนังบวมแดง เนื่องจากแพ้ไหมละลายได้ แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย เป็นกรณีเฉพาะบุคคล
- การร้อยไหมลงไปใต้ผิวหนัง มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกรณีใช้อุปกรณ์ไม่สะอาด อาจมีปัญหาหลังร้อยไหมตามมา เช่น เกิดรอยบุ๋มของผิวหนัง ผิวหนังสองข้างยกกระชับไม่เท่ากันได้
- ช่วงแรกหลังการร้อยไหม จะพบอาการบวม แต่จะค่อยๆยุบบวมและดีขึ้นตามลำดับ หรือ กรณีที่ใช้เทคนิคการร้อยที่ไม่ถูกต้อง ไม่ได้ทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ จะเกิดผลลัพธ์ในระยะยาวได้
- การร้อยไหมใช้ไหมที่ไม่ละลาย จะมีสารตกค้างอยู่ในร่างกาย และเป็นอันตรายในระยะยาว ควรพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจ
ขั้นตอนการร้อยไหม
- พบแพทย์ เพื่อทำการประเมินใบหน้าของคนไข้ ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ต้องแก้ด้วยการร้อยไหมอย่างไร ใช้ไหมจำนวนกี่เส้นถึงจะเห็นผล รวมถึงเลือกวิธีร้อยไหม เทคนิคใดจึงเหมาะสม
- เมื่อศึกษาข้อมูล ปรึกษาหมอเรียบร้อยแล้ว ก่อนการร้อยไหมจะมีการทำความสะอาดใบหน้า ล้างเครื่องสำอาง แปะยาชาก่อนทำ
- จากนั้นแพทย์ จะเริ่มนำเข็มร้อยไหมเข้าไปในชั้นผิว ระหว่างทำจะไม่เจ็บ ใช้เวลาไม่นาน แต่อาจจะรู้สึกถึงเส้นไหมขณะร้อย เมื่อดึงไหมขึ้นก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลง ผิวกระชับขึ้นทันที
ผลข้างเคียงจากการ ร้อยไหม
- เนื่องจากเนื้อเยื้อได้รับการกระตุ้น จะทำให้รู้สึกตึงผิวหน้าเหมือนไหมดึงรั้งในช่วงแรก อาการเหล่านี้จะหายได้เองในช่วง 1-2 สัปดาห์ และสามารถใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ
- หลังร้อยไหม อาจมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ ในจุดที่ร้อยไหมได้เป็นปกติ หายไปเองใน 2-3 วัน ห้ามแกะ เกา หรือกดนวด
หลังการร้อยไหม ต้องดูแลตัวเองอย่างไร ?
- หลีกเลี่ยง การแตะ การเกา การกดนวดในจุดนั้นๆ อาการต่างๆจะค่อยๆดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
- ก่อนการร้อยไหมต้องทานยาฆ่าเชื้อ หากไม่ได้กิน หลังทำเสร็จควรรีบกินทานยาทันที (บางคลินิกมียาแก้ปวด,ลดบวมให้กินร่วมด้วย)
- งดยิงเลเซอร์ หรือ หัตถการอื่นๆ ที่ใช้ความร้อนลงผิวชั้นลึก เป็นเวลา 1 เดือน
- ไม่ควรนวดหน้าแรงๆ บริเวณที่ร้อยไหมเป็นเวลา 2 เดือน
- เพื่อป้องกันการร้อยไหม ไหมเคลื่อน อย่าขยับใบหน้าเยอะ โดยเฉพาะในช่วง 3 วันหลังทำ หากมีอาการผิดปกติบวม ช้ำ เจ็บมาก ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
หลังร้อยไหมห้ามกินอะไรบ้าง ?
- งดหมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู ที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำหมัก
- งดอาหารที่หวานจัดๆ และ อาหารที่รสเผ็ดมากๆ เพราะจะกระตุ้นกระบวนการอักเสบได้
- ควรงดสูบบุหรี่ ในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด จะทำให้ยุบบวมช้า และผลการรักษาอยู่ได้สั้นลง
- งดอาหารประเภทหมักดองและกึ่งสุกกึ่งดิบ คนไข้ควรงดในช่วง 2 อาทิตย์แรกหลังร้อยไหม เนื่องจากอาหารที่มีกรรมวิธีในการดองมักจะมีสิ่งปนเปื้อนอย่างพยาธิหรือเชื้อโรค ที่ส่งผลให้แผลที่เกิดจากรอยเข็มหายช้า แผลติดเชื้ออักเสบได้
ร้อยไหม บวมกี่วัน ?
หลังร้อยไหม ในช่วง 3-4 วันแรกจะมีอาการบวมมากขึ้น และหลังจากนั้นอาการบวมจะเริ่มยุบลงจนเข้าที่ใน 14 วัน เห็นผลชัดเจนในช่วงประมาณ 2 เดือน แต่ถ้าหากร้อยไหมแล้วแก้มยังดูบวมอยู่ อาจเกิดจากการใช้เทคนิคร้อยไหมที่ไม่ดีหรือไม่ถูกต้อง
ร้อยไหมหน้าบวม 14 วันเกิดจากอะไร
- คนไข้มีเนื้อแก้มเยอะ หากคนไข้มีแก้มเยอะมาก หมอจะแนะนำให้ฉีดเมโสแฟตก่อนทำการร้อยไหม เพราะถ้าร้อยไหมแล้วดึงมากเกินไป เนื้อแก้มจะไปกองด้านบนตรงทำให้โหนกแก้มดูใหญ่และหน้าบวม
- ดึงไหมผิดแแนว การร้อยไหมเพื่อแก้ร่องแก้มหรือแก้มตอบ โดยการดึงไหมขึ้นไปจะทำให้โหนกแก้มดูใหญ่เช่นกัน ปกติจะใช้การร้อยไหมเพื่อแก้ความหย่อนคล้อยรอบๆ มุมปากและกรอบหน้ามากกว่า
ร้อยไหมต้องทำกี่ครั้ง ถึงจะเห็นผล ?
การร้อยไหมสามารถทำได้เรื่อย ๆ เพราะไหมที่ใช้เป็นไหมละลาย ปลอดภัย สลายหมด 100% ไม่มีสารตกค้าง เมื่อไหมละลาย หากอยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น สามารถร้อยไหมเข้าไปตามแนวเดิม จะทำให้ผิวจะยึดเกาะไหมได้ดีขึ้นและอยู่ได้นานขึ้น การร้อยไหม ดึงหน้า สามารถเห็นผลทันที ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ หลังร้อยไหมจะรู้สึกได้ว่าใบหน้ายกกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง และเห็นผลชัดเจน สวยเข้ารูปใน 1 เดือน
รีวิวร้อยไหม
ก่อนทำ ในเคสนี้มีปัญหาหน้าตอบ แก้มห้อยย้อย
หลังทำทันที ส่วนที่ตอบลงไปกลับมาอิ่มเอิบ แก้มยกกระชับ ใบหน้าเรียวสวยเข้ารูป
ก่อนทำ ในเคสนี้ มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย มีร่องแก้มลึก ใบหน้าไม่กระชับ
หลังทำทันที ผิวยกกระชับขึ้น รูปหน้าเรียวสวย ร่องแก้มตื้นขึ้น
ก่อนทำ ในเคสนี้ มีปัญหาแก้มหย่อนไม่กระชับ มีร่องแก้มลึกและถุงใต้ตา
หลังทำทันที ร่องแก้มและถุงใต้ตาหายไป ผิวบริเวณกรอบหน้ายกกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด