วิธีลดเหนียงใต้คาง ลดไขมันใต้คาง
สาว ๆ หลายคนอาจจะไม่ได้อ้วน แต่กลับมีเหนียงหรือไขมันมาสะสมบริเวณใต้คางเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดอุปสรรคในการถ่ายรูป ถ่ายรูปออกมาไม่สวย ต้องเสียเวลามาปรับมุมกล้องกันอยู่นาน เพราะรูปหน้าดูหลอกตาไม่เหมือนตัวจริงเอาซะเลย ถ่ายยังไง้ยังไงรูปหน้าก็ดูกลมไปซะทุกรูป หรือสำหรับสาว ๆ ที่มีน้ำหนักตัวมาก จนทำให้เหนียงใต้คางปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนนั้น และกำลังมองหาวิธีลดเหนียงใต้คางกันอยู่ วันนี้เรามีวิธีแก้ปัญหาของคุณมาฝาก
เหนียงเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
โดยส่วนใหญ่แล้ว เหนียงมักเกิดจากการที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และมีไขมันไปสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คางสองชั้นอาจไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนอ้วนเพียงอย่างเดียว เนื่องจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดเหนียงนั้นมีหลายอย่าง อาทิ พันธุกรรม หรือความหย่อนคล้อยของผิวหนัง หรือกล้ามเนื้อบริเวณใต้คาง เป็นต้น นอกจากนี้ คนที่มีคางเล็กกว่าปกติจะสามารถเห็นเหนียงที่หย่อนคล้อยลงมาได้มากกว่าคนทั่วไปอีกด้วย
วิธีลดเหนียงใต้คาง
1.ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการกำจัดเหนียงหรือไขมันส่วนเกินใต้คางที่ได้ผลดีที่สุด เพราะเมื่อคุณออกกำลังกายเป็นประจำ ไขมันที่สะสมอยู่บริเวณคางหรือเหนียงนั้นจะค่อย ๆ ถูกเผาผลาญไปทีละน้อย และยังช่วยเพิ่มความกระชับเต่งตึงให้กับบริเวณใต้คางที่หย่อนคล้อยจากการสูญเสียไขมันได้อีกด้วย แต่สำหรับวิธีนี้ก็อาจใช้ได้ผลกับบางคนเท่านั้น เนื่องจากบางคนถึงแม้จะลดน้ำหนักตัวได้ แต่เหนียงใต้คางก็ไม่จางหายไป ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ก็ได้ แต่ก็อย่าเพิ่งเศร้าไป เพราะศาสตร์ในการออกกำลังกายนั้น ถ้าหากคุณต้องการลดไขมันส่วนใดเป็นพิเศษ คุณก็ต้องออกกำลังกายส่วนนั้นเป็นหลัก เช่น คุณอยากมีต้นขาเรียวสวย คุณก็ต้องเน้นการปั่นจักรยาน แต่ถ้าอยากจะลดเหนียงหรือไขมันใต้คางคุณก็ต้องออกกำลังกายหรือบริหารกล้ามเนื้อบริเวณคอ ซึ่งเราก็มีท่ากายบริหารบริเวณคอแบบง่าย ๆ ที่คุณสามารถเลือกทำได้เองที่บ้านมาฝาก และที่สำคัญใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที !! ซึ่งหากทำเป็นประจำก็จะช่วยลดไขมันที่สะสมอยู่ใต้คางของคุณได้เป็นอย่างดี สามารถดูได้ในหัวข้อถัดไปเลยค่ะ
2.เคี้ยวหมากฝรั่ง เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดเหนียงใต้คางได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยระงับกลิ่นปากแล้วยังเป็นการช่วยบริหารขากรรไกรไปในตัวอีกด้วย แต่สำหรับสาว ๆ ส่วนใหญ่คงไม่นิยมที่จะใช้วิธีนี้เป็นแน่แท้ เพราะกลัวว่าจะทำให้กรามใหญ่จนหน้าบานและดูไม่สวย
3.ไข่ขาวช่วยได้ เริ่มจากนำไข่มาตอกแล้วแยกไข่ขาวล้วน ๆ ตีเบา ๆ นำมาทาใต้คางและแก้มที่หย่อนยาน โดยเริ่มจากใต้ใบหูข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง โดยใช้หัวแม่มือแตะใต้กกหูแล้วค่อย ๆ ยกขึ้น วนไปตามแก้มและคาง กดและยกเบา ๆ ประมาณ 15 นาที ถ้ากลัวเมื่อยก็ให้เอาข้อศอกเท้าไว้ก็ได้จนกว่าไข่ขาวจะแห้งสนิท จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดเป็นอันเสร็จ โดยให้ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
4.เฉดดิ้งเครื่องสำอาง เทคนิคนี้มาจากสาวสวย จากเว็บจีบัน (@ Jeban’) โดยขั้นตอนแรกให้คุณก้มหน้าลงเพื่อเช็กเหนียงก่อนตามรูป จากนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วเฉดดิ้งตามรูป วิธีนี้จะช่วยให้คุณถ่ายรูปออกมาดูเป๊ะขึ้น
5.ผลิตภัณฑ์ Hydro V Plus ใน 1 กล่องมี 8 ชิ้น (ราคากล่องละ 1,450 บาท) 1 ซองใช้ได้ 1 วัน วิธีใช้ก็ไม่ยากครับ แค่แกะซองที่บรรจุเซรั่มซองเล็ก ๆ แล้วนำมานวดทาให้ทั่วบริเวณใต้คางและกรอบใบหน้า โดยให้นวดและคลึงจนเซรั่มซึมเข้าสู่ผิวจนแห้งดี หลังจากนั้นก็ใช้แผ่นคาดใต้คาง (แผ่น Hydro gel) ที่มีมาในซองเดียวกันมาคลุมให้ทั่วบริเวณใต้คางเหมือนการสวมหน้ากาก โดยให้ทำติดต่อกันทุกวันจนครบ 8 ซอง จากที่ดูรีวิวในเว็บพันทิปกับจีบัน หลายคนใช้แล้วก็ได้ผลนะค่ะ:)
6.โบทอกซ์ (Botox) การฉีดโบทอกซ์ก็สามารถช่วยลดเหนียงใต้คางได้เหมือนกัน ซึ่งจะเป็นการฉีดที่ใช้หลักการเดียวกันกับฉีดโบทอกซ์ลิฟต์หน้า (คนละเทคนิคกับการฉีดลดกราม) เหมาะกับผู้ที่เหนียงหรือไขมันใต้คางไม่มากนัก ถ้ามีไขมันมากก็คงไม่ช่วยอะไร (วิธีนี้อาจจะไม่ค่อยเห็นผลสักเท่าไร จึงไม่ขอแนะนำค่ะ)
7.ฉีดสลายไขมันใต้คาง หรือ ฉีดลดเหนียง หรือ เมโสลดเหนียง (เมโสแฟต – Meso fat) คือ การกำจัดไขมันและลดเซลลูไลต์ส่วนเกินเฉพาะที่โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด เป็นการฉีดยาซึ่งมีสรรพคุณในการสลายไขมันเข้าไปบริเวณที่ต้องการ โดยใช้กลุ่มยาหลาย ๆ ตัวผสมกันแล้วฉีด เช่น Phosphatidylcholine, L-carnitine, Deoxycholate, Dexpanthenol (B5), Amino acids, Minerals ฯลฯ โดยตัวยาจะเข้าไปทำให้ผนังไขมันเกิดการแตกตัว ไขมันที่จับตัวกันเป็นก้อนจะสลายออกเป็นไขมันเหลวแล้วถูกขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระ แต่ต้องทำติดต่อกันอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ทำ 2-3 ครั้งก็น่าจะเห็นผลแล้วนะครับ ส่วนราคาการทำต่อครั้งหลักพันขึ้นไปค่ะ
8.ร้อยไหมลดเหนียง (ร้อยไหมคาง) เป็นวิธีที่ช่วยลดเหนียงใต้คางของคุณได้ โดยเป็นการยกกระชับผิวด้วยเทคนิคใช้เข็มที่มีเส้นไหมร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อช่วยปรับกระชับรูปหน้า ร้อยเก็บคาง ยกกระชับร่องแก้ม และเก็บขากรรไกรให้ดูคมขึ้น ไหมละลายตัวนี้เรียกว่า PDO Polydioxanone ซึ่งเป็นไหมที่เส้นเล็กมาก ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองน้อย คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำเสร็จ ตัวไหมเมื่อโดนน้ำจากใต้ผิวหนังก็จะถูกละลายไปเรื่อย ๆ ไหมจะช่วยดึงผิวขึ้นตามแนวแกนไหม เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายจะสร้างคอลลาเจนมาล้อมรอบแกนไหม แม้ว่าไหมจะละลายหมดไปแล้วแต่ก็ยังเหลือแนวแกนคอลลาเจนเพื่อช่วยดึงผิวอยู่ใต้ผิวให้ตึงนั่นเอง (บางคลินิกจะทำการฉีดสลายไขมันก่อนแล้วตามด้วยการร้อยไหม ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคของหมอแต่ละที่)
9.ดูดไขมันใต้คาง (Vaser Liposelection) เป็นการดูดสลายไขมันโดยใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียง (Ultrasound) เพื่อให้ไขมันเกิดการแตกตัวหรือสลายตัวเป็นของเหลวเพื่อให้ดูดออกมาได้โดยง่าย คุณสามารถเลือกตำแหน่งที่ต้องการดูดไขมันได้อย่างเฉพาะเจาะจง โดยไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง เช่น เส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อเกี่ยวกันอื่น ๆ หลังทำเสร็จจะเห็นความแตกต่างได้ค่อนข้างชัดเจน แต่ถ้าดูแลร่างกายไม่ดี (ไม่บริหารคอหรือออกกำลังกาย) ก็อาจจะกลับมาเป็นได้อีก ส่วนราคาทำต่อครั้งก็ประมาณ 3 หมื่นบาทขึ้นไป
10.เทอร์มาจ (Thermage) หรือการใช้คลื่นวิทยุ (RF) มาทำให้ผิวหนังบริเวณที่หย่อนคล้อยเกิดการหดกระชับโดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอในการทำศัลยกรรม และไม่ทำให้เกิดแผล โดยทำเพียงครั้งเดียวก็เห็นผล (เห็นผลมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่ามีไขมันอยู่มากแค่ไหน) แต่ราคาทำค่อนข้างสูง ราคาทำต่อครั้งประมาณ 5 หมื่นบาทขึ้น สำหรับคนทั่วไปอาจจะไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปสักเท่าไรวิธีลดเหนียง 3 ท่าบริหารแก้มและคาง
วิธีลดเหนียง 3 ท่าบริหารแก้มและคาง
1.ทำหน้าตรง จากนั้นยื่นริมฝีปากล่างออกไปด้านหน้า ไม่ต้องเกร็งริมฝีปากบน ไม่แสยะหรือแบะปากนะคะ ขั้นตอนต่อไป ให้คุณสาวๆ ยื่นแต่ส่วนริมฝีปากล่างออกไปจนตึง (ลักษณะ จะเหมือนเราพูดคำว่า อา…นั่นเองค่ะ) ทำค้างไว้ 15-20 วินาที ทำซ้ำอีกจนครบ 5 ครั้ง เคล็ดลับนี้ แนะนำให้คุณสาวๆ ทำทุกๆ วัน ผิวบริเวณเรียวแก้ม และคางจะดูกระชับขึ้น ผิวหนังไม่หย่อนคล้อย
2.เริ่มด้วยการฉีกยิ้มกว้างๆ ให้เต็มที่ ค้างไว้ราว 1 วินาที จากนั้นหุบยิ้มกลับมาอยู่ในท่าจูบ แล้วยื่นปากไปข้างหน้า เหมือนกำลังจูบกลางอากาศ ค้างไว้ 1 วินาที บริหารซ้ำ 10-12 ครั้ง นับเป็น 1 ชุด ควรทำให้ได้อย่างน้อยทีละ 3-4 ชุด
3.อ้าปากให้กว้างที่สุด แล้วห่อลิ้น และหุบปาก เกร็งไว้ประมาณ 5-10 วินาที แล้วผ่อนคลายลิ้นออก ทำเหมือนกำลังจะอ้าปาก แต่ไม่ต้องอ้าสุด แล้วก็หุบ แบบเร็วๆ เป็นจังหวะ จากนั้นแหงนคอให้สุด แล้วทำปากจู๋ แลบลิ้นออกมาให้ยาวที่สุด แล้วทำเหมือนกับจะกระดกลิ้นไปแตะที่ปลายจมูกให้ได้ (ไม่ถึงไม่เป็นไร แต่ยืดให้สุด) เสร็จแล้วยกมือทั้งสองข้าง กำหมัดแล้ววางไว้ใต้คางหันหน้าไปด้านข้างให้สุด จนรู้สึกตึงที่คอ แล้วยืนฟันล่างออกมาให้สุด ทำสลับข้างซ้ายขวา