วิธีแก้ริมฝีปากแห้งแตก ให้กลับมาดูอวบอิ่ม สุขภาพดี ในปี 2024

วิธีแก้ริมฝีปากแห้งแตก ให้กลับมาดูอวบอิ่ม สุขภาพดี ในปี 2024

ปากแตก เป็นภาวะที่ริมฝีปากแห้ง แตกเป็นขุย และอาจมีอาการเจ็บแสบร่วมด้วย มักเกิดขึ้นในช่วงที่สภาพอากาศหนาว แห้ง และมีลมแรง เนื่องจากริมฝีปากไม่มีต่อมไขมันที่สร้างน้ำมันให้ความชุ่มชื้นเหมือนผิวหนัง นอกจากนี้ การเลียริมฝีปากบ่อย ๆ และการใช้ยาบางชนิดก็อาจทำให้ปากแตกได้เช่นกัน แม้ว่าภาวะปากแตกจะพบได้ทั่วไป แต่กรณีที่มีอาการรุนแรงมากก็อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อจนริมฝีปากอักเสบได้ด้วย

สาเหตุทำให้ริมฝีปากแห้ง

  1. อากาศ เช่น ในฤดูหนาวที่มีลมพัด ความชื้นจากริมฝีปากจึงถูกอากาศดูดและพัดพาออกไป, อากาศร้อนบวกกับลมที่พัดแรง มีผลทำให้ริมฝีปากขาดความชุ่มชื้น, ถูกความร้อนจากแสงแดดเป็นเวลานาน รังสีอัลตราไวโอเลตจะเป็นตัวทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ ทำให้ผิวบริเวณริมฝีปากแห้งและแตกได้, ผู้ที่อยู่ในห้องแอร์ที่อากาศเย็นและแห้ง คนทำงานในออฟฟิศจะทราบดีว่าปัญหาดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกฤดู เป็นต้น
  2. การเลียริมฝีปาก การเลียริมฝีปากบ่อย ๆ รวมถึงการเม้มปาก เอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหารที่อยู่ในน้ำลายสามารถทำลายความชุ่มชื้นบนริมฝีปากได้
  3. การดื่มน้ำน้อยเกินไป ก็เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ริมฝีปากแห้งได้ครับ เพราะร่างกายต้องได้รับน้ำเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของร่างกาย ยิ่งในบริเวณริมฝีปากที่สูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายแล้ว คุณจึงต้องคอยดื่มน้ำเพื่อรักษาความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
  4. การขาดสารอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการขาดวิตามินซีจนทำให้เป็นโรคลักปิดลักเปิด ขาดวิตามินบีจนทำให้เป็นโรคปากนกกระจอก ขาดวิตามินแล้วทำให้ปากแห้ง ผิวหยาบ
  5. อาการผิดปกติของร่างกายต่าง ๆ เช่น อาการร้อนใน เนื่องจากอาการร้อนในจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้นรวมทั้งริมฝีปากด้วย (แก้ได้ด้วยการดื่มน้ำตะไคร้หอม ที่มีสรรพคุณช่วยแก้อาการร้อนใน กระหายน้ำ หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัดและอาหารที่มีกรดหรือมีรสเปรี้ยว) เมื่อรับประทานผักผลไม้เสร็จแล้ว แต่ไม่ได้ล้างปากให้สะอาด อีกสาเหตุหนึ่งที่หลาย ๆ คนคาดไม่ถึง เพราะกรดในผลไม้เอเอชเอจะเข้าไปทำลายความชุ่มชื้นที่ริมฝีปาก รวมทั้งเมื่อสัมผัสกับแสงแดดก็จะทำให้ริมฝีปากดำคล้ำขึ้นอีกด้วย
  6. วัยที่มากขึ้น เช่น วัยสูงอายุ วัยทอง ซึ่งต่อมเหงื่อ ต่อมไขมันจะทำงานได้น้อยลง จึงทำให้บริเวณริมฝีปากแห้งตามไปด้วย เพราะน้ำลายก็ไม่ค่อยมี
  7. ริมฝีปากอักเสบจากภูมิแพ้ผิวหนัง ที่จะมีอาการคันบริเวณข้อพับเรื้อรังและผิวแห้ง และอาจทำให้เกิดริมฝีปากแห้งลอกร่วมด้วย
  8. ลิปสติก ที่มีส่วนผสมทำให้เกิดปัญหา เช่น สี กลิ่น น้ำหอม ลาโนลิน สารให้ความชุ่มชื้น สารกันแดด สารกันบูด menthol หรือโลหะที่ผสมอยู่ในลิปสติก สังเกตได้ง่าย ๆ ว่าถ้าคุณเปลี่ยนลิปสติกแล้วมีปัญหาปากแห้งแตกในทันที ก็มั่นใจได้เลยว่าสาเหตุมาจากลิปสติก ซึ่งการใช้ลิปบาล์มจนติดเป็นนิสัย เพราะสารสำคัญที่ผสมอยู่ในลิปบาล์มทั่วไปจะมีคุณสมบัติดูดความชื้นของริมฝีปาก จนทำให้คุณต้องทาลิปบาล์มอยู่บ่อย ๆ
  9. ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์หรือแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง (พบได้บ่อยว่าทำให้เกิดอาการแพ้) สารทำให้เกิดฟอง สารที่มีรสเผ็ดซ่าในยาสีฟัน และสารสร้างความสดชื่น สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ปากแตกได้เช่นกัน โดยมักเกิดขึ้นร่วมกับการมีแผลในช่องปาก ส่วนมากแล้วจะเกิดขึ้นเมื่อคุณเปลี่ยนไปใช้ยาสีฟันยี่ห้อใหม่ รวมไปถึงน้ำยาบ้วนปากที่เกิดจากการแพ้สารแต่งรส แต่งกลิ่น menthol

สาเหตุอื่น ๆ เช่น ยาทาเล็บและเล็บ acrylic ในรายที่มีนิสัยชอบกัดเล็บ, ยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก หรือยาจำพวกความดันก็มีผลข้างเคียงทำให้ปากแห้งได้เช่นกัน, แพ้อาหารบางประเภท เช่น เปลือกส้ม แคร์รอต มะม่วง มังคุด ลางสาด สับปะรด กะหล่ำดอก ขิง ข่า กระเทียม ผอม ผักชี สะระแหน่, แพ้โลหะหรือวัตถุทั่วไป, แพ้แสงแดด, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, การสูบบุหรี่, โรคผิวหนังบางชนิด เป็นต้น


วิธีแก้ริมฝีปากแห้งแตก ให้กลับมาดูอวบอิ่ม สุขภาพดี ในปี 2024

1. ทาลิปบาล์มเป็นประจำ

วิธีแก้และป้องกันปากแตกสุดเบสิกก็คือการทาลิปบาล์มเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากนั่นเองค่ะ ซึ่งลิปบาล์มจะสามารถช่วยล็อกความชุ่มชื้นได้ดี แต่ทั้งนี้สาว ๆ จะต้องไม่แคะ แกะ เกา หรือเลียริมฝีปากด้วยนะคะ อีกทั้งควรจะทาลิปบาล์มซ้ำอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้ปากมีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา และนอกจากลิปบาล์มแล้วสาว ๆ ยังสามารถใช้น้ำมันมะกอก ออยล์ หรือน้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติได้อีกด้วย เพราะน้ำมันเหล่านี้นอกจากจะช่วยเคลือบริมฝีปากและบรรเทาอาการริมฝีปากแห้งแตกได้แล้ว ยังจะช่วยให้ปากนุ่มขึ้นอีกด้วยค่ะ

2. สครับริมฝีปาก

สำหรับใครที่ปากแตก แต่อาการยังไม่หนักมากจนถึงขั้นแสบหรือเลือดออก ให้ใช้สูตรสครับริมฝีปากเพื่อกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดออกไปอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยสูตรนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการใช้น้ำตาลทรายแดง ผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอกอย่างละ 1 ส่วน ผสมให้เข้ากัน จากนั้นให้นำมาสครับที่ริมฝีปากเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดออก วิธีนี้จะช่วยทำให้ริมฝีปากที่ลอกหลุดออกได้ค่ะ แต่ก็อย่าทำบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้ปากแห้งไปกันใหญ่ แล้วก็อย่าลืมทาลิปบาล์มบำรุงทุกครั้งหลังสครับเพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้นด้วยนะคะ

3. ปากแตกจนแสบ มีเลือดออกซิบ ๆ แก้ได้ด้วยน้ำผึ้ง !

น้ำผึ้งแท้จะมีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อโรคอ่อน ๆ อีกทั้งยังช่วยสมานแผลได้ดี ดังนั้นใครที่มีอาการปากแตกหนักมากจนถึงขั้นแสบและเลือดออก วิธีนี้สามารถช่วยได้ค่ะ โดยให้นำน้ำผึ้งมาทาที่ริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดออก หากทำบ่อย ๆ อาการปากแตกจนแสบหรือมีเลือดออกจะค่อย ๆ บรรเทาลง จนหายดีในที่สุดค่ะ

4. จิบน้ำตะไคร้บ่อย ๆ

เนื่องจากน้ำตะไคร้มีสรรพคุณแก้ร้อนใน กระหายน้ำ สำหรับคนที่ปากแตกเพราะดื่มน้ำน้อย ขาดน้ำ น้ำตะไคร้จะช่วยแก้ริมฝีปากแห้งแตกได้ดีเลยค่ะ โดยให้จิบน้ำตะไคร้บ่อย ๆ ประมาณ 1 สัปดาห์จะสังเกตเห็นได้ชัดว่าปากที่เคยแห้งและแตกจะหายไป จนทำให้คุณกลับมาฉีกยิ้มได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

5. รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี

เพราะวิตามินบีมีความสำคัญกับผิวหนังและการฟื้นฟูเนื้อเยื่อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมไปถึงริมฝีปากด้วยเช่นกัน ดังนั้นในแต่ละมื้อนอกจากจะรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่แล้ว สาว ๆ ควรจะเสริมอาหารที่มีวิตามินบีเข้าไปด้วย อย่างเช่น ข้าวกล้อง ผักใบเขียว ตับ และถั่วต่าง ๆ เป็นต้น

6. ดื่มน้ำให้มาก

ข้อนี้ถึงแม้จะเป็นวิธีแก้เรื่องพื้น ๆ แต่เป็นสิ่งสำคัญมากที่สาว ๆ ควรจะทำให้ได้นะคะ เพราะสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดอาการปากแตก ปากแห้งนั้น ส่วนใหญ่มักมาจากการที่ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ขาดความชุ่มชื้น และเกิดอาการปากแตกได้ในที่สุด ซึ่งในแต่ละวันสาว ๆ ควรจะดื่มน้ำเปล่าให้ได้มากถึง 7-8 แก้ว หากดื่มเป็นประจำสม่ำเสมอทุกวัน นอกจากอาการปากแตกจะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว ผิวของคุณสาว ๆ ยังจะเนียนนุ่มชุ่มชื้นมากกว่าเดิมอีกด้วย


Top 10 Clinics
Logo