การปลูกผม (Hair Transplantation)คืออะไร สุดยอดวิธีในการพิชิตผมร่วง หนังศรีษะล้าน
การปลูกผม (Hair Transplantation) เป็นการผ่าตัดหนึ่งในการศัลยกรรมผิวหนัง ทำการเคลื่อนย้ายเส้นผมหรือเส้นขนจากบริเวณหนึ่งมายังบริเวณที่ต้องการ เพื่อแก้ไขปัญหาศีรษะล้าน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะนำเอาผมของตัวผู้เข้ารับการปลูกผมมาใช้ในการปลูกผม การปลูกผมจะต้องทำภายในสถานพยาบาล และใช้ยาชาเฉพาะที่ในขณะที่ทำการปลูกผม แต่ทั้งนี้เกือบร้อยละ 90 ของคนที่มาปลูกผม มักจะเป็นเพศชาย ที่มีภาวะผมบางทางพันธุกรรม (Androgenetic alopecia) โดยโรคนี้พบได้บ่อยมากประมาณกันว่า 30-50% ของผู้ชายทั่วโลก จะมีภาวะนี้และอาการผมร่วงจะรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุ การปลูกผมสามารถปลูกได้กับกลุ่มผู้ชายเหล่านี้ตราบเท่ายังมีเส้นผมด้านข้างและด้านหลังหลงเหลือเยอะอยู่
ในปัจจุบันศัลยกรรมความงามกำลังเป็นที่นิยมกันมาก ซึ่งแม้แต่ผู้ชายที่สนใจศัลยกรรมความงามน้อยกว่าผู้หญิง ก็ยังต้องหันมามองการปลูกผมเพราะปัญหาผมร่วงศีรษะล้าน ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีในคนผมน้อย ว่าแม้จะใช้ยาปลูกผมไปเท่าไรก็ตาม ก็ยังไม่สามารถทำให้ผมดกขึ้นตามที่ต้องการสักที บางคนคงเคยได้ยิน ว่าคงต้องมาจบด้วยวิธีการสุดท้ายที่ต้องขึ้นเตียงผ่าตัดปลูกผมกัน เรามาดูกันนะครับว่าการปลูกผมที่ถือเป็นสุดยอดวิธีการทำให้ผมดกมันเป็นอย่างไร
ทำไมต้องปลูกผม ?
การปลูกผมมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจและปรับปรุงบุคลิกภาพ และถือเป็นการศัลยกรรมความงามชนิดหนึ่ง โดยผู้ที่เข้ารับการปลูกผม ควรเป็นผู้มีคุณสมบัติ ดังนี้
- ผู้ที่มีภาวะศีรษะล้านแบบผู้ชาย
- ผู้หญิงที่มีลักษณะผมที่บาง
- ผู้ที่สูญเสียเส้นผมบางส่วจากการไฟไหม้ หรือ อาการบาดเจ็บที่หนังศีรษะ
- เพื่อช่วยรักษาปัญหาศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์ (Andorgenetic Alopecia) ที่เกิดจากการถ่ายทอดยีนศีรษะล้าน
- ใช้ควบคู่กับการรักษาในผู้ป่วยที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจนทำให้ศีรษะล้าน
ข้อห้ามในการปลูกผม
แม้ว่าการปลูกผมจะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ตรงจุด แต่ก็ไม่ใช่คำตอบที่ดีเสมอไป โดยการปลูกผม ด้วยวิธีศัลยกรรมนั้น ถือเป็นข้อห้ามของคนกลุ่มดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีลักษณะศีรษะล้าน แบบกระจัดกระจาย หรือ มีการล้านของศีรษะที่กว้าง
- ผู้ที่มีปริมาณผมที่ใช้ในการปลูกไม่เพียงพอ
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องคีลอยด์ หรือ แผลเป็นง่ายเมื่อผ่าตัด หรือ ได้รับบาดเจ็บ
- ผู้ที่มีสาเหตุของศีรษะล้าน อันเนื่องมาจากการรักษาทางการแพทย์ เช่น เคมีบำบัด
ปลูกผม มีกี่ประเภท (Hair Transplant)
ในปัจจุบันการปลูกผมที่เห็นผลได้จริง และ ได้มาตรฐาน มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ
1. การปลูกผมเทคนิค FUT (Strip) เป็นวิธีการผ่าตัดปลูกถ่ายรากผมที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก เป็นการผ่าตัดเล็ก ที่มีหลักการในการใช้กล้องจุลทรรศน์ช่วยในการหั่นเส้นผมที่ได้จากบริเวณท้ายทอย หรือด้านข้างของหนังศีรษะ ซึ่งเป็นบริเวณที่เซลล์รากผมแข็งแรง ไม่มีการหลุดร่วงของเส้นผมในบริเวณนี้ และมีอายุขัยที่ยืนยาว นำผมที่มาได้มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เกิดปัญหา สำหรับวิธีนี้จะเหมาะมากสำหรับผู้ที่ผมบางที่เกิดจากกรรมพันธุ์ วิธีนี้เป็นวิธีที่เห็นผลได้อย่างชัดเจน
2. การปลูกผมเทคนิค FUE เป็นวิธีการย้ายเซลล์รากผมไปปลูกบริเวณที่ต้องการ โดยใช้หัวเจาะเล็กมากมีขนาดประมาณ 0.7 – 1.0 มิลลิเมตร เพื่อเจาะเอารากผมบริเวณท้ายทอยขึ้นมาด้วยความละเอียดประณีตสูง ไร้แผลเย็บ และสามารถนำเส้นขนจากบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย เช่น หนวด เครา ขนหน้าอก โดยวิธีนี้จะมีรอยแผลที่ปรากฏมีขนาดเท่ารูขุมขน มีความเลือนลางแทบมองไม่เห็นแผล ซึ่งการทำ FUE นั้นสามารถแบ่งย่อยออกได้อีก เป็น
- Manual FUE คือ แพทย์จะใช้นิ้วมือจับหัวเจาะแล้วปั่นเจาะเส้นผมเองโดยตรง ซึ่งในปัจจุบันไม่ค่อยพบเห็นวิธีนี้
- Power FUE คือ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ามาแทนที่การหมุนด้วยนิ้วมือ ซึ่งจะช่วยทุนแรงในการเจาะ
- Robotic FUE คือ ใช้หุ่นยนต์เจาะแทน ส่วนแพทย์คอยควบคุมหุ่นยนต์อยู่ข้างๆ แต่วิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
ปลูกผม FUE กับ FUT แตกต่างกันยังไง
การปลูกผมถาวรทั้งสองเทคนิคนี้ให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันตรงวิธีที่จะนำรากผมออกมาจากบริเวณเหนือกหู หรือ ด้านหลังศีรษะ (Donor Area) ขั้นตอนนี้เราจะเรียกว่า Donor Harvesting ซึ่งวิธีการที่แตกต่างกันนี้จะส่งผลให้แผลผ่าตัด การดูแลแผล การพักฟื้นมีลักษณะที่แตกต่างกัน แต่ย้ำอีกครั้งว่าผลลัพธ์ไม่แตกต่างกัน
การปลูกผมแบบตัดหนังศีรษะ (Follicular Unit Hair Transplant) FUT
ปลูกผม FUT (Follicular Unit Hair Transplant) คือ วิธีปลูกผมถาวรแบบหนึ่งที่ใช้วิธีการย้ายเซลล์ต้นกำเนิด หรือเซลล์รากผมบริเวณที่แข็งแรงอย่างบริเวณท้ายทอย ไปปลูกในบริเวณที่มีอาการผมร่วงเยอะมาก ผมบาง โดยการปลูกผม FUT จะย้ายผมไปปลูกทีละกราฟ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ผมหนาขึ้น เรียงตัวสวย รากผมที่ใช้สำหรับปลูกผม FUT จะต้องใช้รากผมจากบริเวณท้ายทอย หรือ ขมับทั้งสองข้าง เนื่องจากผม บริเวณดังกล่าวเป็นเซลล์รากผมที่ไม่มีตัวรับฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ดังนั้นเมื่อย้ายผมจากบริเวณท้ายทอยหรือขมับไปปลูกบริเวณที่ผมร่วง ผมบาง หรือบริเวณศีรษะล้าน ผมที่ขึ้นใหม่จะงอกอย่างถาวร และ ไม่มีการหลุดร่วงซ้ำจากฮอร์โมนเหมือนผมเดิม ภายหลังจากการผ่าตัดช่วงแรกอาจมีอาการผมร่วงได้ แต่ผมที่ร่วงจะไม่มีเซลล์รากผมติดไปด้วย เซลล์รากผมที่พึ่งปลูกใหม่จะยังยึดติดอยู่กับเนื้อเยื่อรอบ ๆ หลังจากนั้นผมใหม่จะค่อย ๆ งอกออกมาอย่างถาวร ประมาณ 3-4 เดือนหลังการปลูกผม การปลูกผม FUT จึงสามารถแก้ปัญหาผมร่วง ผมบางในระยะยาวได้
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับปลูกผม
สิ่งแรกที่จำเป็นต้องทำ คือ แพทย์จะต้องระบุสาเหตุของอาการศีรษะล้าน เพื่อนำมาผลที่ได้มาวินิจฉัยว่าจำเป็นต้องใช้การปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาหรือไม่ หากอาการหนังศีรษะล้าน เกิดจากการรักษา การใช้ยา หรือ เป็นเพียงอาการผมร่วงที่เกิดขึ้นชั่วคราว ก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้การปลูกผมเข้าช่วย หลังจากทราบสาเหตุแล้ว พร้อมกับทั้งผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้านและศัลยแพทย์ตัดสินใจจะใช้การปลูกผมเพื่อรักษาอาการดังกล่าว ศัลยแพทย์จะแนะนำขั้นตอนในการเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม ผู้เข้ารับการปลูกผมจะต้องทำตามอย่าง เคร่งครัด เพื่อเลี่ยงการเกิดปัญหา ในขณะทำการปลูกผม และภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบภายหลัง
ขั้นตอนก่อนเข้ารับการปลูกผม
- หากแพ้ยาบางชนิด หรือจำเป็นต้องทานยาอะไรเป็นประจำควรแจ้งแพทย์ทั้งหมด เนื่องจากยาบางชนิดอาจมีผลต่อการผ่าตัด ทำให้จะต้องหยุดยาหรือเปลี่ยนยาก่อนการผ่าตัด
- พบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา และคำแนะนำก่อนการปลูกผม FUT เพื่อนำไปปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง
1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการปลูกผม
- งดรับประทานยาแอสไพริน NSAIDs เช่น Ibuprofen, Diclofenac, Ponstan รวมถึงงดวิตามิน St. Johns Wort, Ginkgo biloba, Primrose oil, Garlic, Ginseng, และ Vitamin E เพราะสามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดแข็งตัวช้าในระหว่างการผ่าตัดปลูกผม
- หากต้องการทำสีผมควรทำล่วงหน้ามาก่อน เพราะหลังการปลูกผมจะไม่สามารถทำสีผมได้เป็นเวลา 1 เดือน
1 วันก่อนเข้ารับการปลูกผม
- หากมีไข้หรือรู้สึกไม่สบาย ควรแจ้งแพทย์ก่อนการผ่าตัดปลูกผม FUT
- ควรงดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ในวันที่เข้ารับการรักษาควรพาผู้ดูแลมาด้วย เนื่องจากมีการใช้ยานอนหลับ ไม่ควรขับรถหรือมาตัวคนเดียว
ในวันที่เข้ารับการปลูกผม
- ควรสวมเสื้อที่ถอดได้ง่าย เช่น เสื้อเชิ้ตมีกระดุม เพราะถ้าหากใส่เสื้อที่ถอดยากหรือลำบาก อาจกระทบแผลหลังการผ่าตัดได้
- ควรงดชา กาแฟ ก่อนการเข้ารับการปลูกผมในวันนั้น
ขั้นตอนการปลูกผม FUT
- แพทย์จะให้ออกแบบแนวผมเพื่อให้เข้ากับใบหน้าผู้เข้ารับการรักษามากที่สุด โดยการวาดแนวผมที่ต้องการจะปลูกลงบนศีรษะ
- หากเลือกเซลล์รากผมจากส่วนท้ายทอย ผมส่วนหนึ่งจะถูกแบ่งและรวบเก็บไว้เพื่อปิดแผลหลังผ่าตัด และแพทย์จะทำวาดส่วนที่ต้องการโกนผมบริเวณที่ต้องผ่าตัด
- จากนั้นแพทย์จะทำการฉีดยาชารอบบริเวณผิวหนังส่วนที่จะตัด เมื่อยาชาออกฤทธิ์แพทย์จะเริ่ม ผ่าตัดโดยใช้เทคนิคแบบเปิด
- แพทย์จะค่อย ๆ กรีดตามแนวที่วาดไว้แล้วแยกผิวหนังชั้นบนที่มีส่วนรากผมออกมา เมื่อแยกหนังศีรษะในส่วนที่เลือกไว้เสร็จแล้ว แพทย์จะทำการเย็บปิดแผล
- หนังศีรษะที่ถูกแยกออกมาจะถูกตัดแบ่งเป็นชิ้นบาง ๆ จากนั้นแพทย์จะทำการแยกเซลล์รากผมแต่ละเซลล์ออกจากกันภายใต้กล้องจุทรรศน์
- สำหรับเซลล์รากผมที่ถูกแยกออกมานั้น แพทย์จะนำไปแช่ไว้ในน้ำยาแช่กราฟผม ซึ่งจะช่วยรักษาสภาพเซลล์เพื่อไม่ให้เซลล์ตายหรือเสียหายก่อนการปลูกถ่าย
- เมื่อถึงการตอนการปลูกผม FUT แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะจุดที่ต้องการปลูกผม จากนั้นจึงเริ่มเจาะรูสำหรับปลูกผมด้วยเครื่องมือเฉพาะเพื่อทำให้เซลล์รากผมช้ำน้อยที่สุดขณะปลูกผม
การดูแลหลังปลูกผม FUT
วิธีดูแลตัวเองหลังการปลูกผม FUT เป็นขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้ขั้นตอนเตรียมตัวเลย ถ้าหากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หลังปลูกผมอย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยลดความเสี่ยงหลังการปลูกผมได้ รวมถึงยังช่วยลดโอกาสที่จะปลูกผมไม่ขึ้นอีกด้วย สำหรับข้อปฏิบัติหลังปลูกผม FUT เบื้องต้น หลังการปลูกผม FUT สามารถถอดผ้าพันแผล และ สระผมได้หลังครบ 24 ชั่วโมง โดยการสระผมจะมีวิธีขั้นตอนเฉพาะของแพทย์แต่ละคลินิกหรือโรงพยาบาล แต่หลัก ๆ คือไม่ควรหวีผม สระผมแรงเกินไป รวมถึงไม่ควรเกา แกะ ถูที่แผล เพราะอาจทำให้รากผมที่ปลูกไว้หลุดออกได้ และจะกลับมาสระผม ทำสีผมได้ตามปกติหลังจากผ่าตัด 1 เดือน
- ควรระมัดระวังไม่ให้ศีรษะได้รับความกระทบกระเทือน
- หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงสัปดาห์แรก หากจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้งควรสวมหมวกเพื่อป้องกันแสงแดด เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงจะส่งผลต่อรากผมที่ปลูกไป
- งดออกกำลังกายอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังปลูกผม
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการบวมและเลือดออก
นอกจากนี้ยังอาจพบอาการผมร่วงที่ได้รับการปลูกถ่ายร่วงอย่างกะทันหัน ซึ่งเรียกว่า (Shock Loss) แต่จะเกิดขึ้นชั่วคราว เพราะหลังจากนั้นผมจะเริ่มขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าหากเวลาผ่านไปแล้วผมยังไม่ขึ้นหรือมีอาการอักเสบ อาการติดเชื้อเกิดรุนแรงขึ้นควรจะรีบกลับไปพบแพทย์
การปลูกผมแบบไม่ผ่าตัด (Follicular Unit Extraction) FUE
การปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) เป็นการปลูกผมถาวรแบบไร้รอยต่อ หรือการปลูกผมไร้แผลเป็น (SFET) โดยใช้เครื่องมือพิเศษเป็นหัวเจาะทำจากโลหะไททาเนียม มีหัวขนาดเล็กมากแค่ 0.8-1.0 มิลลิเมตรเท่านั้น โดยเจาะเอาเซลล์รากผมที่แข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุดจากบริเวณด้านหลังของศีรษะ จะเจาะทีละกอผม (1 กอ มีเซลล์รากผมประมาณ 1-4 เส้น) แล้วนำเซลล์รากผมที่ได้มาปลูกตรงตำแหน่งใหม่และตามทิศทางที่ต้องการ โดยวิธีนี้จะแบ่งออกเป็นอีก 2 ประเภทย่อย ๆ ได้แก่
– การปลูกโดยใช้รากผมในปริมาณที่มาก (Slit Grafts) โดยจะใช้รากผม 4-10 รากต่อหลุมผมในแต่ละหลุม
– การปลูกโดยใช้ปริมาณผมน้อย (Micro-Grafts) ใช้รากผมเพียง 1-2 รากต่อหลุมผมในแต่ละหลุม
เมื่อปลูกผมไปแล้วระยะหนึ่ง เซลล์รากผมจะยึดติดกับเนื้อเยื่อรอบๆ มองไม่เห็นรอยแผล วิธีนี้ทำให้เซลล์รากผมที่ปลูกขึ้นใหม่มีความแข็งแรง และเส้นผมที่งอกออกมาใหม่ก็จะอยู่อย่างถาวร ไม่หลุดร่วงจนเกิดปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือ ศีรษะล้านอีก และเหตุผลที่ต้องใช้เซลล์รากผมจากบริเวณด้านหลังของศีรษะ ก็เพราะว่ามีจำนวนเพียงพอที่จะแบ่งไปใช้ได้มากกว่าที่บริเวณอื่น โดยก่อนที่จะตัดสินใจทำต้องปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ในปัจจุบัน การปลูกผมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการปลูกผมแบบถาวร (FUE) เนื่องจากเป็นวิธีที่ได้ผลดี อีกทั้งยังไม่ทำให้มีแผลเป็นจากการปลูกผมอีกด้วย
ข้อดีของการปลูกผม FUE
- หลังปลูกผมหนังศีรษะไม่ตึง ไม่เจ็บ เลือดออกน้อย
- เส้นผมที่ปลูกใหม่มีอัตราการเกิดขึ้นสูง
- ไม่มีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด แผลเล็กมากขนาดเท่ารูขุมขนประมาณ 1 มิลลิเมตร เท่านั้น
- แผลจะหายได้เอง และหายไว
- หลังจากปลูกผมแล้วไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับบ้านไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- เส้นผมที่งอกใหม่จะแข็งแรงกว่าเดิมไม่หลุดร่วงง่าย
- สามารถออกแบบการปลูกผมให้กับผู้ที่รับบริการแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม
- เส้นผมใหม่ที่ได้เป็นเส้นผมจริง ดูเป็นธรรมชาติ
- ใบหน้าดูอ่อนวัย เพราะเส้นผมดูหนาขึ้น
ข้อเสียของการปลูกผม FUE
- ได้จำนวนเซลล์รากผมมาในการเจาะแต่ละครั้งน้อย
- เซลล์รากผมที่ดึงออกมาอาจจะขาดหรือเสียหายได้ เช่น ถ้าเจาะ 1000 กอ ก็อาจได้ไม่ครบ ขึ้นอยุ่กับความชำนาญของแพทย์
- บริเวณที่มีการเจาะเซลล์รากผมไปใช้แล้ว จะไม่มีผมใหม่ขึ้นมาแทนที่
- การปลูกเซลล์รากผม หากใช้จำนวนมาก จะทำให้เส้นผมที่ด้านหลังของศีรษะบางลง จึงต้องมีการจำกัดจำนวนกอผมในการทำแต่ละครั้ง
การเตรียมตัวก่อนปลูกผม FUE
- นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่
- ถ้ามีโรคประจำตัวที่ต้องทานยาเป็นประจำ หรือมีประวัติการแพ้ยา ให้ปรึกษาแพทย์ก่อน
- งดทานยาหรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัว เช่น พลาวิกซ์ (Plavix), แอสไพริน (Aspirin), วิตามินอี (Vitamin E), น้ำมันปลา (Fish oil), ยาแก้อักเสบอย่างน้อย 7 วัน
- งดการใช้ Rogaine หรือ Minoxidil ที่เป็นสารช่วยให้เส้นผมดกขึ้นอย่างน้อย 7 วัน
- ผู้ป่วยโรคความดันสูงที่มีการใช้ยา Beta Blocker ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนจะต้องเปลี่ยนยา เพราะอาจมีผลกับยาที่ใช้ในการผ่าตัดได้อย่างน้อย 7 วัน
- งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดทานอาหารหมักดอง ตามคำแนะนำของแพทย์ก่อนการปลูกผม
- ควรทานอาหารมาก่อน เพราะการปลูกผมใช้เวลาค่อนข้างนาน
- งดชา งดกาแฟ ตามคำแนะนำของแพทย์ก่อนการปลูกผม
- ไม่ใส่เครื่องประดับ และนำของมีค่าติดตัวมาด้วย
- ให้สวมเสื้อที่ติดกระดุมหน้า หรือเสื้อคอกว้างมา เพื่อง่ายในการเปลี่ยนเสื้อก่อนเข้ารับการปลูกผม จะได้ไม่โดนแผลเวลาใส่ตอนกลับบ้าน
- งดการทำผมทุกชนิด และสระผมให้สะอาดก่อนมา
- ควรมีผู้ติดตามมาด้วยในวันที่เข้ารับการปลูกผม เพราะมีการใช้ยาชาหรือให้ยานอนหลับในระหว่างการปลูกผม เมื่อทำเสร็จอาจยังคงมีอาการชาและมึนงงได้
ขั้นตอนการปลูกผม FUE
-
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะออกแบบและวาดแนวผมที่จะปลูก ตามที่ได้ผู้ที่รับบริการพึงพอใจแล้ว ก็จะมีการคำนวณจำนวนกอผมที่จะใช้สำหรับปลูกออกมาล่วงหน้า
- โกนผมบริเวณที่จะเจาะเอาเซลล์รากผมออกมา เพื่อความสะดวกในการปลูกผม จากนั้นแพทย์จะฉีดยาชาหรือให้ยานอนหลับอย่างอ่อน ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อให้ทั่วบริเวณที่เลือกไว้
- หลังยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มใช้เครื่องมือพิเศษที่มีหัวเจาะขนาดเล็กประมาณ 0.8-1.0 มิลลิเมตร โดยจะเจาะด้านหลังของศีรษะ ตามแนวขนานไปกับเซลล์รากผม
- นำเอาเซลล์รากผมออกมา เพื่อจะนำไปปลูกต่อไป
- ระหว่างรอเซลล์รากผมให้ครบตามจำนวนที่ต้องการ จะต้องนำไปแช่ไว้ในน้ำยาเลี้ยงเซลล์ เพื่อให้รากผมมีคุณภาพสมบูรณ์ที่สุด
- หลังจากนั้นแพทย์จะมีการฉีดยาชาหรือให้ยานอนหลับอย่างอ่อน ฉีดยาห้ามเลือดก่อน และจะเจาะรูตรงบริเวณที่ต้องการปลูก เพื่อกำหนดตำแหน่ง ความหนาแน่น และทิศทางของแนวผมให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด จากนั้นจะนำเซลล์รากผมใส่ลงไปที่เจาะเตรียมไว้จนครบทั้งหมด แพทย์จะปิดผ้าพันแผลที่บริเวณปลูกผมอย่างน้อย 1-2 วัน หลังจากนั้นสามารถกลับบ้านได้เลย
การดูแลตัวเองหลังปลูกผม FUE
- ไม่ควรจับ ซับเลือด แกะ เกา หรือทำให้แผลบริเวณที่ปลูกผมถูกกระทบกระเทือน หลังการผ่าตัด 24 ชั่วโมง เพราะเซลล์รากผมยังไม่เชื่อมติดกับเนื้อเยื่อโดยรอบรูที่ปลูกผมลงไป อาจทำให้หลุดออกได้
- ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สามารถอาบน้ำและล้างหน้าได้
- สระผมตามปกติได้ในวันรุ่งขึ้น แต่ต้องทำอย่างเบามือ และให้ใช้ยาสระผมชนิดอ่อนประมาณ 2 สัปดาห์
- ขณะสระผมห้ามนวดหรือถูบริเวณที่ปลูกผม ใช้น้ำอุณหภูมิปกติและไม่แรงจนเกินไป ทำให้ผมแห้งแค่ซับเบาๆ ก็พอ ห้ามใช้ลมร้อนจากเครื่องเปล่าผมประมาณ 1 เดือน
- สามารถจัดแต่งทรงผมได้หลังจากปลูกผม 1 สัปดาห์ โดยไม่ให้โดนแผล
- หลังจากการปลูกผม 1 เดือน สามารถทำสีผม ดัดผมได้ตามปกติ
- ควรนอนหงาย หรือ นอนตะแคง เพื่อลดอาการบวมปวดที่แผล ใช้ผ้าที่คาดผมไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้กอผมที่ปลูกหลุดออก และใช้หมอนรองคอป้องกันการกดทับของแผลบริเวณด้านหลังศีรษะ และ ควรนอนหมอนที่หนุนศีรษะให้สูง เพื่อลดอาการบวม
- งดออกกำลังกายอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดว่ายน้ำอย่างน้อย 1 เดือน
- หลีกเลี่ยงการตากแดด เพราะความร้อนมีผลต่อเซลล์รากผม ใส่หมวกป้องกันได้ แต่อย่าใส่ให้แน่นจนเกินไป
- งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดทานอาหารหมักดอง ตามคำแนะนำของแพทย์
- อาจเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ ให้ทานอาหารอ่อนๆ และ ถ้ายังมีอาการอยู่ก็ให้งดอาหารไปก่อน
- แพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อกันการติดเชื้อและลดอาการบวมกลับไปทานที่บ้าน
- มาพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลจากการปลูกผมจนเป็นที่พึงพอใจ
- หากมีอาการผิดปกติ ให้รีบพบแพทย์ เช่น มีไข้สูง มีอาการปวดบวม และ แดงมากผิดปกติ เลือดออกมากผิดปกติ มีแผลตกสะเก็ด หรือ น้ำเหลืองที่บริเวณหนังศีรษะ เกิดอาการอักเสบ หรือ การติดเชื้อที่ต่อมรู้ขุมขน รู้สึกชา หรือ ไม่มีความรู้สึก บริเวณหนังศีรษะที่ทำการปลูกผม
ผลข้างเคียงของการปลูกผม FUE
- อาจมีอาการบวมแต่จะหายไปเองภายใน 7 วัน ให้ใช้ที่ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมได้ และให้สวมผ้าคาดศีรษะเอาไว้ตลอด
- ถ้ามีอาการคันจากสะเก็ดแผลที่ปลูกผม ไม่ควรเกาหรือถู ให้ลูบเบาๆ หรือทายาลดอาการคันก็พอ สะเก็ดแผลจะหลุดไปเอง
- อาจมีอาการเส้นผมร่วงหลังจากปลูกผมได้ ในระยะแรกประมาณ 3-4 สัปดาห์ แต่เส้นผมที่หลุดร่วงไปไม่ได้มีเซลล์รากผมหลุดตามไปด้วย หลังนั้นจาก 3-4 เดือน ก็จะงอกขึ้นมาใหม่อย่างถาวร