ศัลยกรรมปาก (Lips Surgery) ปากสวยได้รูป
“ศัลยกรรมปาก” เป็นการผ่าตัด ปรับปรุงแก้ไขรูปทรงปากให้เหมาะสมกับใบหน้า โดยส่วนใหญ่ต้องการผ่าตัดแก้ไข ปากหนา ปากบาง ปากคว่ำ ปากห้อย ปากไม่ได้รูป ให้ได้รูปทรงที่สวยงามมากขึ้น ขณะเดียวกันการศัลยกรรมปากยังเกี่ยวข้องกับรอยยิ้ม การเผยอปาก และ การสนทนาอย่าง มีชิวิตชีวาการศัลยกรรมปาก

นิยมจะมีลักษณะเป็นกระจับ หรือ เป็นหยักตรงกลาง ซึ่งจะสวยมากถ้ามุมปากไม่คว่ำ การผ่าตัดจะทำให้ริมฝีปากบางลง แต่ไม่ควรบางจนเกินไป โดยพยายามซ่อนแผลไว้ด้านใน ไม่ให้เห็นเมื่อมองหน้าตรง ในคนไข้ที่ตัดฟันอยู่แนะนำให้จัดฟันให้เสร็จ หรือเกือบเข้าที่ ก่อนจะมาผ่าตัดริมฝีปาก สัดส่วนที่เข้ากับปากล่าง คือ 1 : 1.2 คือ ปากบน บาง 1 ปากล่าง หนา 1.2 เป็นอัตราส่วนที่สวยงาม หากปากเดิมบางอยู่แล้วแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์แทน ซึ่งการศัลยกรรมปากเป็นเทรนด์ที่นิยมอย่างมากในตอนนี้ เพื่อเพิ่มเสน่ห์ ให้มันใจยิ่งขึ้น
การยกมุมปาก คือ การทำให้บริเวณมุมปากที่ดูคว่ำลง กลับมาดูยกขึ้น ซึ่งการยกมุมปาก สามารถทำได้สองวิธี คือ แผลนอก และ แผลใน
- การทำแผลนอก คือการตัดยกมุมปาก บริเวณมุมปากที่เป็นส่วนบนที่ไม่ใช่เนื้อริมฝีปาก มีโอกาสเป็นแผลเป็นค่อนข้างสูง
- การทำแผลใน คือการยกมุมปาก เป็นการตัดเนื้อริมฝีปาก แล้วยกมุมขึ้นมา
การศัลยกรรมปากมี กี่ประเภท
การทำศัยกรรมปาก สามารถทำได้ทั้งปากบน และ ปากล่าง รวมไปถึงการศัลยกรรมในส่วนรอบของปาก ขอบปาก มุมปาก หรือร่องปาก แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก คือ
- การทำศัลยกรรมปากกระจับ
- การทำศัลยกรรมปากบาง
- การทำศัลยกรรมเพื่อแก้ไขปัญหารูปปากที่มีปัญหาผิดปกติ
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- ปรึกษาศัลยแพทย์ เพื่อความมั่นใจ ว่าเราเหมาะสมที่จะทำรวมทั้งผลการผ่าตัด ความเสี่ยงต่างๆของเรา
- เช็คสุขภาพเบื้องต้น เนื่องจาก เป็นการผ่าตัด ด้วยยาชา ความเสี่ยงค่อนข้างน้อย หรือดมยาสลบต้องไม่มีโรคใดๆที่มีผลต่อการผ่าตัด
- หยุดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 2 อาทิตย์
- งดยาแก้ปวดกลุ่ม Aspirin 7 – 10 วันก่อนผ่าตัด
- งดสมุนไพรบางชนิด เช่น อีฟนิ่งพริมโรส ยาวิตามินอีปริมาณสูง ๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพราะอาจต้องหยุดรับประทานสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัดประมาณ 3 – 5 วัน
- เตรียมลางาน ประมาณ 5 วัน สำหรับการผ่าตัด
- ทานอาหารให้อิ่มก่อนผ่าตัด
- ควรแปรงฟันก่อนมาผ่าตัด เนื่องจากหลังผ่าตัดอาจปวดแผล ทำให้แปรงฟันไม่สะดวก
- วันผ่าตัดไม่ควรมาคนเดียว ควรพาเพื่อนมาด้วย
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวของคุณ เช่น เบาหวาน,โรคหัวใจ และยาที่แพ้ เช่น เพนนิซิลิน,ซัลฟา ฯล
- ความดันโลหิตสูง ต้องควบคุมให้ต่ำกว่า 140/90 mm Hg (มิลลิเมตร ปรอท) ก่อนมารับการผ่าตัด

- ใช้ยาสลบ ร่วมกับ การใช้ยาชาเฉพาะที่
- การทำริมฝีปากบาง เริ่มจาก การวาดบริเวณที่จะตัดอย่างละเอียด หลังจากได้ยาชา แพทย์จะตัดผิวริมฝีปาก และกล้ามเนื้อส่วนเกินออก
- เย็บปิดแผลด้านในของริมฝีปาก ด้วยไหมละลาย
- การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 30 นาที

การพักฟื้น หลังการศัลยกรรมปาก
การผ่าตัดริมฝีปาก เป็นการผ่าตัดไม่ซับซ้อน ผ่าตัดโดยใช้ยาชาและหลังผ่าตัดสามารถกลับบ้านได้เลยและจะฟื้นตัวเร็วกว่าการทำศัลยกรรมความงามอื่นๆ สามารถกลับไปทำงานได้หลังผ่าตัด 1 อาทิตย์ สามารถออกกำลังกายได้หลังผ่าตัด 2 อาทิตย์
การดูแลหลังการผ่าตัดศัลยกรรมปาก
- ผักผลไม้ที่นำมารับประทาน ควรล้างให้สะอาด
- ไม่ควรกินปลาดิบ หรือ เนื้อที่ไม่สุก หรือ อาหารที่มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรคได้มาก
- บ้วนปากบ่อยๆ ด้วยน้ำเกลือ หรือ น้ำสะอาด หรือ น้ำยาบ้วนปาก
- อย่าใช้ลิ้นดุน หรือ ใช้มือดึงไหมที่เย็บแผลในปาก
- งดออกกำลังกาย ที่อาจต้องมีการปะทะ เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล แฮนด์บอล ประมาณ 4 อาทิตย์
- ระมัดระวังเวลายิ้ม อย่ายิ้มกว้างมากในช่วงแรก
- ดื่มน้ำมากๆ โดยใช้หลอด และ หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำ หรือ อาหารที่ร้อนหรือเย็นเกินไป
- สามารถใช้ลิปสติกได้ 1 อาทิตย์ หลังผ่าตัด
- งดการสูบบุหรี่ 3 อาทิตย์ หลังการผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกฮอร์ใน 2 อาทิตย์แรก หลังการผ่าตัด
- มีอาการบวม ประมาณ 5 – 7 วัน
- ควรใช้น้ำเย็นประคบริมฝีปาก บ่อยๆ ในช่วง 1 – 2 วันแรก
- หลังผ่าตัด ควรทานอาหารเหลว วันที่ 2 – 3 ให้ทานอาหารอ่อนได้
- โดยทั่วไปจะเย็บแผลด้วยไหมละลาย ไม่ต้องตัดไหม แต่แพทย์จะนัดมาตรวจหลังผ่าตัด ประมาณ 1 อาทิตย์
- ควรมาตรวจซ้ำประมาณ 2 – 3 อาทิตย์

ผลข้างเคียงหลังการผ่าตัดศัลยกรรมปาก
ปากเป็นส่วนที่ไวต่อการสัมผัสมากที่สุดของร่างกาย หลังการผ่าตัดริมฝีปากปาก อาจจะมีอาการดังต่อไปนี้
- แผลผ่าตัดแดง
- มีอาการบวมที่แผลผ่าตัด
- ปวดเล็กน้อยบริเวณแผล 2-3 วันแรกหลังการผ่าตัด
- อาจจะมีอาการชาที่ริมฝีปากได้
- ช้ำเขียว
- เลือดคั่ง
- แผลสมานช้า
- ริมฝีปากอาจไม่เท่ากัน ในบางกรณีอาจจะต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดครั้งที่สอง
- ผลข้างเคียงอื่นๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้แต่น้อยมากได้แก่ การติดเชื้อ มีแผลเป็น เลือดออกบริเวณแผลผ่าตัด เกิดการบวมอย่างรุนแรง