สิวผด รักษายังไง
สิวผด หรือ ผดผื่นเม็ดเล็กๆ ที่ขึ้นบนใบหน้านั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายที่ต้องเผชิญกับปัจจัยกระตุ้นทางสภาพแวดล้อม ประกอบกับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกราะปกป้องผิวอ่อนแอลง จึงทำให้เกิดเป็นสิวผดหรือผดผื่นขึ้น การดูแลรักษาสิวผดอย่างถูกวิธีจะช่วยให้สามารถฟื้นฟูเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรงขึ้น พร้อมให้คุณเผชิญกับทุกสถานการณ์ได้อย่างมั่นใจ
สิวผด คืออะไร
สาเหตุการเกิด ‘สิวผด’
สิวผด เป็นอาการแพ้ของผิวหนัง ไม่ใช่ปัญหาสิวอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ ไม่มีหัว จำนวนมาก กระจายอยู่ทั่วบริเวณที่เกิด เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกสากๆ ที่ผิวหนัง ไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอ โดยสาเหตุส่วนใหญ่ที่กระตุ้นให้เกิดสิวผดนั้นมาจากปัจจัยภายนอก เช่น
-
สภาพอากาศ : สภาพอากาศร้อน มีผลกระทบทำให้ต่อมเหงื่อในร่างกายไม่สามารถระบายเหงื่อออกได้ดี จึงทำให้ต่อมเหงื่อเกิดการอุดตัน เกิดเป็นตุ่มเล็กๆ เหมือนเป็นผดขึ้น ในบางคนอาจจะเผชิญกับปัญหาสิวผดขึ้นในช่วงเช้าและอาการเบาลงจนหายไปในช่วงเย็นที่อุณหภูมิลดลง
-
มลภาวะ ฝุ่นPM 2.5 : เชื้คโรค สิ่งสกปรก แบคทีเรีย ที่กระจายตัวอยู่ทั่วไปในอากาศ อาจก่อให้เกิดการอุดตันในรูขุมขนจนถึงขั้นอักเสบได้
-
พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน : บางพฤติกรรมในชีวิตประจำวันอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหาสิวผดขึ้นได้โดยที่เราไม่ทันได้ระวังตัว เช่น การล้างหน้าบ่อยๆ ทำให้ผิวหน้าเสียสมดุล, การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าหรือครีมบำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว, การใส่หน้ากากอนามัยเป็นระยะเวลานาน, การแพ้สารเคมีบางประเภท, การใช้มือที่ไม่สะอาดจับและสัมผัสที่ผิวหน้า หรือแม้แต่การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอและความเครียด ล้วนส่งผลกระทบให้เกิดสิวผดขึ้นได้
-
เกราะปกป้องผิวอ่อนแอ : เกราะปกป้องผิว (Skin Barrier) ทำหน้าที่ในการปกป้องไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น และป้องกันไม่ให้ปัจจัยภายนอกเข้ามาทำอันตรายต่อผิวได้ แต่เมื่อเกราะปกป้องผิวอ่อนแอลงจะทำให้ผิวเกิดปัญหา เช่น ผิวแห้ง ผิวแดงคัน เกิดปัญหาสิวผดเล็กๆ และผิวไวต่อการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น
วิธีรักษาสิวผดให้หาย หน้าใสวิ้ง
1. หลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะแสงแดดเป็นตัวการสำคัญอย่างหนึ่งที่ก่อให้เกิดสิวผดได้ค่ะ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงกลางวัน หรือทาครีมกันแดดชนิดควบคุมความมันทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน
2. ไม่ควรล้างหน้าบ่อยๆ ใน 1 วัน ล้างหน้าแค่ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก็พอแล้วค่ะ รวมถึงควรเลี่ยงการล้างหน้าแรงๆ เพราะทั้งสองอย่างนี้เป็นสาเหตุของสิวผดค่ะ
3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิวของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ล้างหน้าหรือบำรุงผิวหน้าก็ตาม รวมถึงครีมกันแดด และควรล้างออกให้สะอาด เพื่อป้องกันการเกิดสิวผดหรือสิวอุดตันได้ในภายหลังค่ะ
4. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนตัว หากต้องการป้องกันสิวทุกชนิดและยับยั้งไม่ให้มันลุกลาม ด้วยการฝึกตัวเองและยับยั้งห้ามใจไม่ไปรบกวนผิวหน้า เช่น การนวดหน้า ขัดหน้า เช็ดถูหน้า คุ้ย แคะ แกะเกาใบหน้าบ่อยๆ เพราะบางคนเป็นสิวก็เกิดความกังวลและลูบไล้ใบหน้าอยู่บ่อยๆ จนลืมไปว่ามือเราไม่สะอาด และอาจเป็นการไปกระตุ้นสิวที่มีอยู่แล้วให้ลุกลามมากยิ่งขึ้นได้นะคะ
5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ น้องๆ ควรหันมารับประทานผักและผลไม้ให้เยอะๆ นะคะ พยายามเสริมแร่ธาตุอย่างสังกะสี (Zinc) เพื่อช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น รักษาสิว สิวผด อักเสบและดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อช่วยปรับสมดุลของร่างกายภายในให้เย็นและชุ่มชื้น ช่วยทำให้ผิวพรรณและใบหน้าสดใสได้ค่ะ
6. ไม่เครียด ความเครียดมีส่วนทำให้ต่อมไขมันต้องทำงานหนัก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผดได้ค่ะ ดังนั้น เราจึงควรพยายามทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ อย่าเครียดค่ะปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออก ทั้งนี้ ยังรวมถึงต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะคะ เพียงเท่านี้ใบหน้าของเราก็ห่างไกลจากสิวผดได้แล้วค่ะ
7. สูตรพอกหน้ารักษาสิว มีหลายสูตรให้เลือกปฏิบัติ ดังนี้ค่ะ
- สูตรไข่ขาว นำไข่แดงแยกออกเอาเฉพาะไข่ขาว ล้างหน้าของเราให้สะอาดแล้วนำมาพอกบริเวณใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เป็นวิธีการรักษาสิวผดแบบง่ายๆ ที่รับรองว่าทำบ่อยๆ สิวผดหายแน่นอนค่ะ
- สูตรมะเขือเทศผสมโยเกิร์ต นำมะเขือเทศมาสับให้ละเอียด ให้โยเกิร์ตสูตรธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับมะเขือเทศที่สับเตรียมไว้ จากนั้น นำมาพอกใบหน้าบริเวณที่เกิดสิวผด แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น หากรักษาสิวผดด้วยสูตรนี้เป็นประจำรับรองว่าสิวผดหายแน่นอนค่ะ
- สูตรน้ำผึ้ง ล้างหน้าให้สะอาด จากนั้น นำน้ำผึ้งบริสุทธิ์ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ มาทาบริเวณที่เป็นสิวผด ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น อีกวิธีง่ายๆ ของการรักษาสิวผดค่ะ
8. หลีกเลี่ยงการใช้ครีมหรือยาที่ทำให้ผิวหน้าระคายเคืองมากขึ้น เช่น Retinoic acid, Benzoyel peroxide AHA, BHA เป็นต้น
9. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังรักษาสิวผด วิธีนี้จะช่วยรักษาสิวผดได้อย่างปลอดภัย และยังเป็นการป้องกันการเกิดสิวผดอย่างถาวรได้อีกด้วยค่ะ ซึ่งเป็นการรักษาสิวผดตั้งแต่สาเหตุและรักษาสิวผดอย่างถูกวิธี ที่สำคัญก็คือไม่ควรซื้อยามารับประทานหรือรักษาสิวด้วยตนเอง เนื่องจากยารักษาสิวส่วนมากมักมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ อาจทำให้เป็นสิวมากขึ้นได้ค่ะ
