โบท็อก (botox) รวมทุกสิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ หัตถการที่กำลังเป็นที่ยอดนิยม

โบท็อก (botox) คืออะไร? อันตรายไหม? ฉีดจุดไหนช่วยอะไรบ้าง? เห็นผลทันทีไหม?

โบท็อก คือ ?

โบทูลินั่ม ท็อกซิน หรือชื่อการค้ารู้จักกันชื่อว่า โบท็อก BOTOX คือ โปรตีนชนิดหนึ่งมีชื่อทางการแพทย์ เรียกว่า “Botulinum Toxin A” เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่สร้างจากแบคทีเรียชื่อ Clostridium เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว ตัวยาโบท็อกจะออกฤทธิ์โดยไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ปรับรูปหน้า หรือในคนที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อก็สามารถฉีดโบท็อกเผื่อให้กรามเล็กลง เป็นวิธีทำให้หน้าเรียวได้ การใช้โบท็อกจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ในปริมาณที่เหมาะสม ถึงมีความปลอดภัย และได้ผลชัดเจน


ฉีดโบท็อก ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ?

โบท็อกช่วยอะไรบ้าง? สามารถใช้ฉีดได้หลายตำแหน่ง แต่ส่วนใหญ่ที่นิยม คือใช้ลดริ้วรอย ลดกรามและปรับหน้าเรียว

  1. ช่วยลดริ้วรอย จะเริ่มเห็นผลภายใน 3-7 วัน กลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อกทำให้กล้ามเนื้อขยับได้น้อยลง ริ้วรอยบนใบหน้าจึงค่อยๆ ลดลง โบท็อกจะฉีดตรงบริเวณริ้วรอยบนใบหน้า เช่น เส้นที่หน้าผาก ตีนกา รอยขมวดคิ้ว ช่วยให้ดูอ่อนวัยกว่าเดิม
  2. ช่วยปรับรูปหน้า จะเริ่มเห็นผลภายใน 1-2 เดือน โบท็อกจะทำให้กล้ามเนื้อเล็กลง เนื่องจากกล้ามเนื้อโดยปกติหากไม่ได้ขยับเขยื้อนจะค่อยๆ มีขนาดเล็กลงอยู่แล้ว หมอจะฉีดตรงแนวขากรรไกร กราม เพื่อปรับใบหน้าให้เล็กและเรียวขึ้น
  3. ช่วยฟื้นฟูผิว การฉีดโบท็อกสามารถช่วยให้รูขุมขนเล็กลงได้ โดยหมอจะฉีดโบท็อกไปที่กล้ามเนื้อและต่อมไขมัน เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปรูขุมขนจะหดเล็กลง ต่อมไขมันลดขนาด ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

 ฉีดโบท็อก ได้บริเวณไหนบ้าง ?

ส่วนใหญ่นิยมฉีดโบท็อกเพื่อลดริ้วรอย หรือปรับรูปหน้า เพราะเห็นผลเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล บริเวณที่นิยมฉีดโบท็อกได้แก่

  • โบท็อกลดกราม
  • โบท็อกลิฟหน้า
  • โบท็อกหางตา
  • โบท็อกหน้าผาก
  • โบท็อกระหว่างคิ้ว
  • โบท็อกลดโหนกแก้ม
  • โบท็อกปีกจมูก
  • โบท็อกรักแร้
  • โบท็อกน่อง
  • โบท็อกแขน


โบท็อก มีวิธีทำงานอย่างไร ?

เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อ ตัวยาจะออกฤทธิ์จับกับปลายประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเป็นอัมพาตชั่วคราว กล้ามเนื้อผ่อนคลายลง ริ้วรอยต่างๆ จะลดลง ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใหม่ ลดกราม และปรับหน้า


โบท็อก แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร ?

จุดที่แตกต่างกันในโบท็อกแต่ละยี่ห้อ ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการทำตัวยาให้บริสุทธิ์, ชนิด protein complex, ขนาดของ molecule complex และความคงทนในการเก็บรักษา

โบท็อกอเมริกา (Allergan)

Allergan เป็นบริษัท original ของโบท็อก มีงานวิจัยรับรองกว่า 3,500 งานวิจัย และผ่านการพัฒนาเพื่อที่มีฉีดโบท็อกไปแล้วจะมีโอกาสดื้อโบท็อกน้อยที่สุด และเห็นผลการรักษาดีที่สุด โบท็อกอเมริกาตัวยามีการกระจายตัวแคบที่สุด จึงให้ผลการรักษาที่แม่นยำ การฉีดโบท็อกอเมริกาเพื่อให้อยู่ได้นานและผลเป็นธรรมชาติที่สุด ต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง สามารถคาดคะเนการออกฤทธิ์ของโบท็อกได้แม่นยำ

โบท็อกอังกฤษ (Dysport)

จุดเด่นของ โบท็อกอังกฤษ คือเมื่อฉีดแล้วตัวยากระจายทั่วถึง ไม่กระจุกเป็นจุดแคบๆ เหมาะกับการฉีดลิฟหน้าด้วยเทคนิค dermolift เพื่อยกกระชับผิว สำหรับคนที่ต้องการลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติจะตึงขึ้นประมาณ 50% นอกจากนี้จะนิยมใช้ Dysport ฉีดลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ลดต้นแขน ลดน่อง และเนื่องจากโบท็อกอังกฤษมีการกระจายตัวยากว้าง แพทย์จึงต้องมีประสบการณ์และใช้ความระมัดระวังในการฉีด เพื่อไม่ให้ยากระจายไปยังจุดที่ไม่ต้องการ และทำให้เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงเช่น ตาตก ยิ้มไม่สุด

โบท็อกเกาหลี (Nabota/Botulax)

โบท็อกเกาหลีถือเป็นโบท็อกที่ได้รับความนิยมครับ ทั้ง Nabota/Aestox ส่วนใหญ่โบท็อกเกาหลีจะเน้นการพัฒนาให้ออกฤทธิ์ไวเทียบเท่าโบท็อก Allergan (โบท็อกอเมริกา) แต่มีราคาที่ถูกกว่าเท่าตัว

  • Nabota

โบท็อกเกาหลียี่ห้อ Nabota เป็นโบท็อกเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านงานวิจัยรับรองจาก อย.อเมริกา U.S.FDA approved (2018) ผลิตโดยบริษัท DAEWOONG จุดเด่นของ nabota botox คือออกฤทธิ์ไว เห็นผลลัพธ์หลังฉีดค่อนข้างเร็ว ตัวยามีความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7% เหมาะกับคนที่ต้องการผลแบบเร่งด่วน นิยมนำมาใช้ในการลดริ้วรอย เช่น รอยย่นหน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว และสามารถนำมาใช้เพื่อลดกราม ยกคิ้ว กระชับหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กยิ่งขึ้น

  • Aestox

โบท็อก ยี่ห้อ Aestox เป็นโบท็อกเกาหลีอีกหนึ่งตัวที่ผ่าน อย.ไทย ได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัย ตัวยามีความบริสุทธิ์สูง จึงช่วยลดโอกาสในการดื้อได้ดี เห็นผลไว มีความอ่อนโยน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็ง นิยมฉีดเพื่อลดริ้วรอยหางตา รอยย่นหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ปรับรูปหน้าให้หน้าเรียว ลดเหงื่อ

โบท็อกเยอรมัน (Xeomin)

โบท็อกเยอรมันจะเน้นพัฒนาโดยเอาข้อดีของ Allergan กับ Dysport มารวมกัน คุณสมบัติต่างๆ จึงอยู่กึ่งกลางระหว่างอเมริกากับอังกฤษ คือมีความบริสุทธิ์สูงและตัวยาจะไม่กระจุกตัวแคบเกินไป ทำให้ได้ผลที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ และยังมีงานวิจัยที่แสดงว่า Xeomin สามารถให้ออกฤทธิ์ได้ในในเคสที่ดื้อโบท็อก (โดยที่เคสนั้นๆ ต้องหยุดการฉีดโบท็อกมาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปี)


วิธีสังเกตโบท็อกแท้ ดูอย่างไร ?

การตรวจเช็คโบท็อกแท้ง่ายๆ คือ ต้องมีฝาพลาสติกใสปิดทับอยู่ด้านบน ด้านข้างต้องมีตัวหนังสือภาษาไทยแสดงเลขที่อย. มีวันผลิต และวันหมดอายุที่กล่องกับขวดต้องตรงกัน และระบุว่านำเข้าโดยบริษัทใด


ฉีดโบท็อก ที่ไหนดี ?

ก่อนตัดสินใจ ฉีดโบท็อกซ์ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโบท็อกและเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและลดความเสี่ยงในการเจอโบท็อกปลอม การเลือกคลินิกฉีดโบท็อกให้ปลอดภัย ควรพิจารณาจาก?

  1. คลินิกฉีดโบท็อกดูได้มาตรฐาน มีเลขที่ใบอนุญาตประกอบกิจการ ได้มาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข
  2. เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ช่วยให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
  3. ใช้โบท็อกแท้เท่านั้น การฉีดโบท็อกปลอมจะทำให้เกิดอาการดื้อโบท็อก (ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษา)
  4. ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ในแหล่งที่เป็นกลางและน่าเชื่อถือ

ข้อดีของการฉีดโบท็อกกับแพทย์ที่มีประสบการณ์

นอกจากมีความปลอดภัยแล้ว แพทย์ที่มีประสบการณ์จะมีความรู้ด้านโครงสร้างผิว รู้ตำแหน่งเส้นเลือดสำคัญ รู้ว่าต้องฉีดอย่างไรให้ปลอดภัย และให้ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ คนไข้ควรเข้ารับการฉีดโบท็อก กับคลินิกความงามที่น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข


ฉีดโบท็อก ราคาเท่าไร ?

การฉีดโบท็อก ราคาขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือกใช้ แต่ละจุดเหมาะกับยี่ห้อไหน ปริมาณเท่าไหร่ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินตามความเหมาะสม


3 จุดควรระวัง หากจะต้องการฉีดโบท็อก

  • ตำแหน่งที่ 1 : เหนือหางคิ้วด้านนอก เนื่องจากเป็นจุดที่มีเส้นประสาท ควบคุมการเคลื่อนไหวของคิ้วจำนวนมาก หากฉีดโบท็อกเข้าไปจะทำให้ระบบประสาทไม่ทำงาน หางคิ้วตกลง ทำให้หน้าดูเศร้า จุดนี้หากมีริ้วรอย แนะนำให้แก้ด้วยฟิลเลอร์ หรือ HIFU
  • ตำแหน่งที่ 2 : ริ้วรอยเปลือกตา บริเวณนี้มีเส้นประสาทที่ควบคุมการยกเปลือกตาอยู่ อีกทั้งยังเป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูง จะกระทบกับระบบประสาทส่วนอื่นของลูกตา หากฉีดโบท็อกตรงนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทันที คือหนังตาตกอย่างชัดเจน แพทย์จึงไม่ฉีดให้กับผู้เข้ารับการรักษา จุดนี้หากมีริ้วรอย แนะนำให้ผ่าตัดเอาหนังตาส่วนเกินออก หรือฉีดฟิลเลอร์เติมเปลือกตาด้านบนครับ
  • ตำแหน่งที่ 3 : มุมปากและริ้วรอยรอบปาก หากฉีดโบท็อกที่จุดนี้ จะมีผลต่อระบบประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของมุมปาก เมื่อระบบประสาทไม่ทำงาน มุมปากก็จะตกลง ดูเหมือนคนหน้าบึ้ง และจะทำให้การพูดการยิ้มดูไม่ธรรมชาติ

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อก

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก รวมไปถึงวิธีการสังเกตโบท็อกแท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัย
  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะแพทย์จะสามารถประเมินถึงปัญหาได้ตรงจุด และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
  • ฉีดโบท็อกแท้ ผ่านการรับรองจาก อย.เท่านั้น เพื่อลดโอกาสการดื้อยาและเกิดผลข้างเคียง
  • ควรให้แพทย์เปิดขวดใหม่ ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป หรือขอกล่องและขวดกลับบ้าน ไว้ตรวจสอบเพื่อมั่นใจว่าเป็นของแท้
  • งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, Ponstan
  • งดสครับใบหน้า คอร์สเลเซอร์ แว็กผิวหรือนวดหน้าบริเวณที่ฉีด 2-3 วัน เพื่อลดอาการเขียวช้ำ
  • หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำ ควรปรึกษาหรือแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง

ขั้นตอนการฉีดโบท็อก

    • พบแพทย์เพื่อปรึกษาประเมินรูปหน้า สภาพผิว ปัญหาที่กังวล
    • เลือกยี่ห้อของโบท็อกที่จะใช้ เพื่อให้เหมาะกับปัญหาและจุดที่ฉีด ซึ่งมีให้เลือกทั้งของอเมริกา/อังกฤษ/เกาหลี โดยแต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ทั้งในเรื่องของการกระจายตัวยา ความเร็วในการออกฤทธิ์และระยะเวลาที่ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ รวมไปถึงราคาที่แตกต่างกัน
    • แพทย์ฉีดโบท็อกในตำแหน่งที่ต้องการรักษา และเลือกใช้โบท็อกในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล
    • สำหรับคนที่กังวลว่าฉีดโบท็อก เจ็บไหม ก่อนฉีดจะมีการทายาชาหรือประคบน้ำแข็งก่อนเพื่อให้คนไข้ไม่เจ็บ แล้วแพทย์จะฉีดโบท็อกด้วยเข็มขนาดเล็กไปยังบริเวณกล้ามเนื้อ

หลังฉีดโบท็อก ดูแลตัวเองอย่างไร ?

  1. หลังฉีดโบท็อกควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด
  2. ควรทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี เพื่อช่วยให้โบท็อกออกฤทธ์ไวขึ้น และทำงานดีขึ้น
  3. งดนอนราบ นอนคว่ำ หรือก้มหัวต่ำกว่าอก 3 ชม.  เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่บริเวณใบหน้ามากขึ้น ส่งผลให้โบท็อกที่ฉีดปลิวไปบริเวณที่ไม่ต้องการได้
  4.  หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง 48 ชม. เช่น อบซาวน่า ออกกำลังกายหนักๆ ตากแดด ทำเลเซอร์
  5. หลังฉีดโบท็อกควรงดอาหารรสจัด และอาหารหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว
  6. งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เนื่องจากจะส่งผลต่อการอักเสบ ยุบบวมช้า และผลการรักษาอยู่ได้สั้นลงอีกด้วย

ฉีดโบท็อก กี่วันเห็นผล ?

  • โบท็อกลดริ้วรอย จะเริ่มออกฤทธิ์ เห็นผลตอน 3-4 วัน และเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์
  • โบท็อกลดกราม ปรับรูปหน้า เริ่มเห็นผลตอน 14 วัน กล้ามเนื้อกรามจะนิ่มลง กัดแล้วไม่เด้ง และเห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
  • โบท็อกลิฟท์กรอบหน้า ลดเหนียง เริ่มเห็นผล 3-4 วัน และเห็นผลเต็มที่ใน 1-2 สัปดาห์

ฉีดโบท็อกต้องฉีดซ้ำไหม อยู่ได้นานเท่าไร ?

การฉีดโบท็อก ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร หลังการฉีดจะเริ่มเห็นผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณโบท็อกที่ฉีด ตำแหน่งที่ฉีด ความลึกของริ้วรอยเหี่ยวย่น และปริมาณกล้ามเนื้อ โบท็อก จึงต้องมีการฉีดซ้ำต่อเนื่องตามระยะเวลา เพื่อให้โบท็อกคงสภาพ นอกจากนี้การฉีดโบท็อกอย่างต่อเนื่อง จะช่วยทำให้การฉีดโบท็อกครั้งต่อไปอยู่ได้นานกว่าเดิม


ฉีดโบท็อกมาแล้วหน้าบวม เกิดจากอะไร ?

หลังฉีดโบท็อกอาจมีอาการบวมเล็กน้อยตรงจุดที่ฉีด หรือบวมจากปริมาณยาที่ฉีดเข้าไป ซึ่งจะสามารถหายไปได้เองภายในประมาณ 2-3 วัน แต่ถ้าหากบวมผิดปกติ บวมขึ้นเรื่อย ๆ มีอาการปวดร่วมด้วย แนะนำให้กลับไปที่คลินิกเพื่อให้หมอประเมินอาการและทำการรักษาอย่างเหมาะสม


ฉีดโบท็อกแล้วเป็นก้อน

ต้องสังเกตก่อนว่าฉีดโบท็อกแล้วเป็นก้อนมีลักษณะเป็นก้อนแบบไหน ในกรณีที่เป็นก้อนบวมจากรอยเข็ม อาจเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ 2-3 วัน อาการบวมเป็นก้อนจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ถ้าหากยังมีก้อนอยู่ กดแล้วรู้สึกเจ็บ อาจมีสาเหตุมาจากการอักเสบติดเชื้อหลังฉีด มักเกิดจากฉีดโบท็อกกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาดมากพอ ไม่มีระบบการดูแลความสะอาดปลอดเชื้อ


โบท็อกสลายเร็วเพราะอะไร ?

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โบท็อกย่อยสลายไวขึ้น คือ ความร้อน และการไหลเวียนของเลือด ดังนั้นหลังฉีดโบท็อกคนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด


รีวิวฉีดโบท็อก

Botox คือ หัตถการที่ช่วยลดริ้วรอย ปรับหน้าเรียวได้อย่างเห็นผล มีความปลอดภัย ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 5-10 นาทีต่อจุด เมื่อฉีดเสร็จแล้ว ไม่มีรอยแผล คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้น

Top 10 Clinics
Logo