Fine scan คืออะไร ช่วยอะไรบ้าง อันตรายไหม ?
Fine Scan Laser คืออะไร?
คุณสมบัติของ Fine Scan
• มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
• รักษาหลุมสิว
• รักษารอยแผลเป็น (Keloid)
• ลดเลือนริ้วรอย
• ลดเลือนร่องลึกอย่างเห็นได้ชัด
• รักษารูขุมขนที่กว้างให้กลับกระชับเรียบเนียน
ผู้ที่เหมาะกับการรักษาด้วย Fine Scan
2. รูขุมขนขนาดกว้าง ไม่กระชับ
3. ใบหน้ามีริ้วรอยและร่องลึก
Fine Scan Laser ทำให้รอยแตกลายดีขึ้นได้อย่างไร?
Fine Scan Laser กับแผลเป็นหลุมสิว?
จุดเด่นของ Fine Scan Laser
ต้องรักษาด้วย Fine Scan บ่อยแค่ไหน?
โดยส่วนใหญ่ควรทำการรักษาอย่างน้อย 4-6 ครั้ง ทุกๆ 2-4 สัปดาห์/ครั้ง หรือขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล การรักษาในแต่ละครั้งจะทำให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวเดิมที่เสื่อมสภาพไป โดยสามารถปรับพื้นที่ครอบคลุมการรักษาเป็นระดับเปอร์เซนต์ได้ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ต้องการรักษา ผลการรักษาจะเห็นได้ชัดเจนหลังการรักษาครั้งที่ 2-3 ซึ่งมีเซลล์ผิวใหม่ถูกสร้างขึ้นมาทดแทน 40-60% แต่ผู้เข้ารับการรักษาจะสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผิวทันทีที่หลังการรักษาครั้งแรก ผลการรักษาจะดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ (Collagen Remodeling Process) ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
การรักษาแต่ละครั้งใช้เวลานานแค่ไหน?
หลังการรักษาด้วย Fine Scan
หลังการรักษา คนไข้จะมีสิผิวอมชมพูคล้ายตากแดดจัดประมาณ 2-3 วัน ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น ระหว่างนี้สามารถดูแลผิวและแต่งหน้าได้ตามปกติ หรือหากเป็นผู้ชายก็สามารถโกนหนวดได้ตามปกติ เซลล์ผิวใหม่จะถูกสร้างขึ้นทันทีภายใน 24 ชั่วโมง แต่ในระหว่างที่เซลล์ผิวเก่ายังไม่ถูกผลัดให้ลอกหลุดออกไปนั้น ผิวหน้าจะมีสีเข้มขึ้น เรียกว่า Bronzing ซึ่งจะค่อยๆ หลุดไปภายใน 7-10 วัน และจะมีเซลล์ผิวใหม่ที่สวยงาน และมีสุขภาพดีเกิดขึ้นมาเเทนที่
ข้อควรปฏิบัติหลังการรักษาด้วย Fine Scan
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำหรือล้างบริเวณที่ทำการรักษาประมาณ 24 ชั่วโมง
- หากต้องการล้างบริเวณที่ทำการรักษา ควรล้างอย่างเบามือ
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองต่อผิวในช่วง 3 วันแรกหลังจากการรักษา หรือตามแพทย์แนะนำ
- หลีกเลี่ยงแสดงแดดจัดหรือสถานที่ที่ร้อนจัดในช่วงสัปดาห์แรกหลังจากการรักษา
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนหรือการทำเซาว์น่าในช่วงสามวันแรกหลังจากการรักษา
- หลีกเลี่ยงการนวด การขัด หรือการใช้ยา ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองบริเวณที่ทำการรักษา
- หากมีอาการบวมแดง หรือผื่นขึ้นบริเวณที่ทำการรักษา ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาทันที
- หากมีสะเก็ดเกิดขึ้น ไม่ควรแกะหรือเกา ควรปล่อยให้หลุดลอกเองตามธรรมชาติ
- ควรดูแลผิวหลังการรักษาด้วยครีมบำรุงผิวหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดอ่อนโดยต่อผิว เพื่อช่วยให้ผิวบริเวณที่ทำการรักษาได้รับความชุ่มชื้นตลอดเวลา
- ควรปกป้องผิวที่ทำการรักษาด้วยครีมกันแดดค่า SPF30 ขึ้นไป
- หากได้รับยาทาจากแพทย์ที่ทำการรักษา ควรทายานั้นอย่างสม่ำเสมอตามแพทย์สั่ง