PRP คืออะไร ? อันตรายไหม ? เจ็บหรือเปล่า ?

PRP คืออะไร ? อันตรายไหม ? เจ็บหรือเปล่า ?

PRP คืออะไร ?

PRP คือ การนำเลือดของเราออกมาปั่นสกัดเพื่อนำฉีดเข้าสู่ร่างกาย ถ้าถามว่า PRP ดีไหม มันดีตรงที่ขั้นตอนกระบวนการที่แยกสารที่ชื่อว่า Growth factor ที่มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมต่างๆ และมีส่วนช่วยบำรุงฟื้นฟู ให้ผิวกลับมาแข็งแรง ทำให้ดูอ่อนเยาว์ และใบหน้าดูกระจ่างใส

ขั้นตอนของการทำ PRP

การเตรียม Plasma Hair PRP เริ่มจากการนำเอาเลือดของตัวคุณออกมา ด้วยการใช้เครื่องมือที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูง จึงไม่จำเป็นต้องนำเลือดออกมาในปริมาณมาก ๆ เพราะแค่เพียงจำนวน 10-20 cc เราก็ได้เลือดที่มีคุณภาพมากเพียงพอ ต่อมาจึงนำไปเข้าเครื่องเหวี่ยงสาร แยกเอามาเฉพาะส่วนของน้ำเลือดที่มีเกล็ดเลือด และ Growth Factors ที่มีความเข้มข้นสูง เมื่อฉีดกลับเข้าไปที่บริเวณหนังศีรษะส่วนที่ต้องการรักษาก็จะไปช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต และการแบ่งของเซลล์รากผมให้รากผมฟื้นตัวได้ไว และกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีอีกครั้ง

และในส่วนนี้เองที่ทำให้ราคาของแต่ละที่ต่างกัน เพราะปัจจัยที่มีผลต่อราคาก็คือคุณภาพของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อยู่ในขั้นตอนของการทำนั่นเองครับ จากย่อหน้าด้านบนเราจะเห็นได้ว่ามีอุปกรณ์ที่ต้องใช้ก็คือ

  1. อุปกรณ์เจาะเลือด
  2. หลอดใส่เลือด หรือเรียกว่า Tube โดย Tube ที่ใช้นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ โดย Tube ธรรมดาๆมีราคาเพียงไม่กี่บาท แต่ Tube ที่ดีคือ Tube ที่ออกแบบสำหรับการทำ PRP โดยเฉพาะ และต้องอย่าลืมว่า Tube เหล่านี้ต้องมีการเคลือบสารสำหรับก็ป้องกันการแข็งตัวของเลือดที่เหมาะสมด้วยนะครับ
  3. เครื่องเหวี่ยงสาร (Centrifuge) คุณภาพของเครื่องเหวี่ยงก็คืออีกเรื่องที่สามารถสร้างความแตกต่างของคุณภาพ

ข้อจำกัดเกี่ยวกับการทำ PRP 

ถึงแม้การทำ PRP จะมีประโยชน์มากในการฟื้นฟูและรักษาผิวหน้า แต่ก็มีข้อจำกัดสำหรับกลุ่มคนต่อไปนี้

  1. กลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยติดเชื้อ หรือผู้ที่มีโรคผิวหนังบางประเภท
  2. ผู้ที่รับประทานยาสลายลิ่มเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือด
  3. ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
  4. ผู้ที่มีความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด
  5. ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
  6. ผู้ที่กำลังป่วยอยู่ควรรักษาตัวให้หายดีก่อนทำ PRP Therapy เพราะอาจมีเชื้อโรคปะปนในกระแสเลือด

PRP ดีไหม แล้วดีอย่างไร

PRP (Platelet-Rich Plasma) หนึ่งในการรักษาที่ขึ้นชื่อว่าปลอดภัยที่สุด แล้ว PRP ดีไหม ซึ่งมีข้อดีอย่างแรกนั่นคือ เป็นการรักษาด้วยเกร็ดเลือดของตัวเอง ในเลือดของเรามีพลาสม่า ซึ่งทำให้กระบวนการซ่อมแซมเกิดขึ้น ดังนั้นเราจึงนำนวกรรมการแพทย์นี้มาใช้ เพื่อเลี่ยงการใช้ยา และผ่าตัด

ประโยชน์ของPRP  

ปัจจุบันเจ้าตัว PRP ที่นำมาใช้ในด้านความงามนั้นช่วยในเรื่อง

-การฟื้นฟูและคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวหน้า

-ช่วยให้หน้าใสฉ่ำน้ำ

-เพิ่มคอลลาเจน และความยืดหยุ่นให้กับผิวอีกครั้ง

-นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องหลุมสิว รอยสิว หรือรอยแผลเป็นให้น้อยหรือเล็กลงอีกด้วย

PRP ควรทำกี่ครั้ง

ควรทำอย่างน้อย 2-5 ครั้ง ห่างกัน 1-4 อาทิตย์
หลังจากนั้น สามารถ ทำได้ 2-4 เดือน ครั้ง
และสามารถ สลับกับ เมโส หรือเลเซอร์ หรือ หัตถการอื่นๆได้

PRP เหมาะกับคนที่มีปัญหาดังต่อไปนี้

  • ปัญหาบริเวณที่มีความยืดหยุ่นน้อย เนื่องจาก Collagen และ Elastin ลดลง
  • ปัญหาใต้ตาคล้ำ ร่องแก้ม
  • ปัญหาเรื่องริ้วรอย ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าในบริเวณหางตา หน้าผาก ลำคอ
  • บริเวณที่มีแผลเป็น
  • ปัญหา รอยสิว
  • ปัญหา ผิวหน้าแห้ง
  • ปัญหามีรอยหลุม ลึก บนใบหน้า

PRP จะจัดการกับเจ้าปัญหาเหล่านี้ได้อย่างดีเลยทีเดียว

หลังจากฉีด PRP ข้อควรปฎิบัติที่เราควรทำ คือ 

  • หลังทำแล้ว แนะนำให้พักใบหน้างดการแต่งหน้าอย่างน้อย 1 วัน
  • ทาครีมบำรุงผิวหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ได้ตามปรกติ
  • บางคนอาจบวมได้ 2-3 วัน  มีรอยเข็มหรือช้ำเล็กน้อย ควรใช้ยาลดปวดกลุ่ม พาราเซตามอล
  • หลีกเลี่ยงการล้างหน้าภายใน 4-5 ชั่วโมงแรกของการรักษา
  • หลีกเหลี่ยงการทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ AHA หรือสาร Whitening อื่น ๆ
  • เลี่ยงการทำกิจกรรม การโดนแดด 2-3 วัน
  • หลีกเหลี่ยงการทาน  Ibuprofen and Aspirin 2-3 วัน
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และออกกำลังกายอย่างหนัก

อาการข้างเคียงหลังการทำ PRP 

โดยทั่วไปแล้ว การทำ PRP นับเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แทบจะไม่มีอาการข้างเคียงใดๆที่เป็นอันตรายเลยเนื่องจากไม่ใช่สารสังเคราะห์ แต่เป็นเกล็ดเลือดที่สกัดมาจากเลือดของผู้ป่วยหรือของลูกค้าเอง ในช่วงแรกที่ฉีด PRP เข้าผิวหนังจะรู้สึกอุ่นๆในบริเวณที่ฉีด แต่อาการดังกล่าวจะหายไปภายใน 10-15 นาที ในบางรายอาจมีอาการบวมหรือฟกช้ำเล็กน้อยประมาณ 2-3  วัน แต่โดยทั่วไปมักไม่รุนแรงและจะหายไปเองภายในระยะเวลาไม่นาน

Top 10 Clinics
Logo
Compare items
  • Total (0)
Compare
0