นอกจากหน้าตาจะเป็นเหมือนด่านแรก สำหรับผู้คนที่พบปะกันแล้ว “เรียวขา” นับเป็นส่วนสำคัญของคุณผู้หญิงเลยก็ว่าได้ เพราะการแต่งตัว ทั้งกระโปรง กางเกงขาสั้น ต้องอวดเรียวขาสวย ๆ สำหรับปัญหาของเรียวขาสวย มีหลากหลายสาเหตุ อาทิเช่น เส้นเลือดปูด น่องขาใหญ่ ต้นขาใหญ่ ผิวไม่เรียบเนียน จึงนำเสนอบทความนี้เพื่อแนะนำการแก้ไขปัญหาต่างๆที่พบเจอ ให้ตรงจุด
ศัลยกรรม ขาเรียว สวย
ดูดไขมัน (liposuction) แต่อยากให้เข้าใจกันซักเล็กน้อย ว่าน่องที่บ่นกันว่าใหญ่นักหนา แน่ใจแล้วหรือ ว่ามันใหญ่เพราะไขมัน เนื่องจากสิ่งที่เป็นตัวการ ทำให้น่องดูใหญ่ คือกล้ามเนื้อต่างหาก เพราะฉะนั้น ถึงจะดูดไขมันออกไป มันก็ช่วยได้แค่ส่วนน้อยเท่านั้น จนบางที ดูกันแทบไม่ออกทีเดียว
ฉีดโบท๊อกซ์ เช่นเดียวกับ การฉีดโบท๊อกซ์เพื่อลดขนาดกราม การฉีดเข้าน่อง ก็มีคุณสมบัติ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลงได้ ซึ่งวิธีการนี้ ก็เป็นที่นิยมกัน เมื่อหลายปีก่อน ข้อเสียของการฉีดโบท๊อกซ์ ก็คือเราต้องไปฉีดบ่อยๆ เพราะมันจะฤทธิ์ของมัน จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แถมยังต้องใช้ปริมาณมากกว่าการฉีดเข้าที่ใบหน้าอีกด้วย ซึ่งก็หมายถึงค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้นกว่าเดิมด้วย
การบล็อกเส้นประสาท การบล็อกเส้นประสาทนี้ เรียกกันอีกอย่างว่า “Nerve Blocking” ซึ่งเป็นการล็อกส่วนกล้ามเนื้อน่อง ด้วยการฉีดสารบางอย่างเข้าไป แต่ผลที่ได้ก็ไม่เป็นที่น่าพอใจนัก
การผ่าตัดเอากล้ามเนื้อน่องออกไป ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า จะเอากล้ามเนื้อน่องออกไปทั้งหมด แต่จะเอาออกเฉพาะบางส่วนเท่านั้น และเป็นวิธีที่ได้ผลดี ตามต้องการที่สุด เพราะสภาพน่องที่ได้หลักการผ่า จะมีความเรียวยาว และเล็กได้ตลอดไป รวมไปถึงส่วนน่อง ไม่มีเส้นประสาทที่สำคัญอยู่ด้วย ทำให้วางใจได้มากขึ้น
การ “ดูดไขมันต้นขา” คืออะไร?
ดูดไขมันต้นขา (Leg and Thigh Liposuction) คือ การกำจัดไขมันส่วนเกินที่อยู่รอบ ๆ ต้นขาออกไป เพื่อแก้ปัญหาต้นขาใหญ่ เนื้อขาปลิ้น หรือต้นขาไม่สมส่วนกับสัดส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ทางลัด ต้นขาเรียวสวย เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนไข้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นส่วนที่ลดยากมาก แต่เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้มากขึ้น จึงจำเป็นต้องหาการวิธีแก้ไข
เป้าหมายของการดูดไขมันต้นขา
- แก้ปัญหาต้นขาเบียด ต้นขาปลิ้น
- แก้ปัญหาต้นขาใหญ่ ไม่สมส่วน
- ลดความกังวลเวลาสวมกางเกงขาสั้น
- ช่วยให้รูปร่างโดยรวมดูดีขึ้น (สูงเพรียว)
- ช่วยให้ต้นขารับกับสัดส่วนอื่นในร่างกาย
- ต้นขาเรียวเล็ก โดยไม่ต้องใช้แอปบีบขา
- แต่งตัวชุดไหนก็มั่นใจ ไม่มีเขินอาย
การดูดไขมันต้นขา มีกี่ตำแหน่ง ?
การดูดไขมันต้นขา (Thigh Liposuction) คือ การสลายและดูดไขมันเฉพาะส่วน เพื่อปรับปรุงรูปร่างส่วนล่าง ให้สมดุลกับลำตัวช่วงบน รวมถึงการแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินที่ไม่สมดุลกับร่างกาย ซึ่งจะประกอบไปด้วยส่วนของต้นขาด้านนอก ต้นขาด้านใน ต้นขาด้านหน้า และด้านหลัง บริเวณต้นขามีความสำคัญกับความสวยงาม และความน่าดึงดูดของร่างกาย ซึ่งบริเวณต้นขา ต้องถือว่าเป็นบริเวณที่ต้องการความแม่นยำในการดูดไขมันค่อนข้างมาก เพราะโครงสร้างภายในต้นขาประกอบด้วยส่วนของผังผืดยึดติด (Adhesion Zone) ค่อนข้างมาก จึงจำเป็นที่แพทย์ที่ทำการดูดไขมันบริเวณนี้จะต้องมีความชำนาญ และมีประสบการณ์เพียงพอ การดูดไขมันต้นขา เพื่อให้เป็นขาในอุดมคติ หรือ Ideal Leg จะต้องประกอบด้วยส่วนเว้า ส่วนโค้งที่เหมาะสม ทั้งในมุมมองด้านหน้า และมุมมองด้านข้าง ซึ่งโดยปกติแล้วส่วนที่จะต้องเน้นเป็นพิเศษจะประกอบด้วยสองส่วนคือ
ดูดไขมันต้นขาด้านนอก (Lateral Thigh) เป็นส่วนสำคัญที่จะกำหนดรูปร่างของผู้หญิง ซึ่งบริเวณนี้จะต้องมีความเรียบเนียน ต่อเนื่องมาจากสะโพก ไปจนถึงหัวเข่า และไม่ควรมีรอยบุ๋มบริเวณกระดูกสะโพกให้เห็น บริเวณต้นขาด้านนอก ที่อิสสวิร์หมอพบว่าคนไข้มักจะมีปัญหาใส่กางเกงแล้วติดสะโพก (โดยที่เอวพอดี) และมีปัญหาใส่กางเกงแล้วมีกระเปาะป่องออกมาใต้สะโพกที่เรียกว่าหุ่นลูกแพร ท่านที่มีปัญหาแบบนี้การดูดไขมันต้นขาด้านนอกจึงเป็นการรักษาที่เหมาะสม
ดูดไขมันต้นขาด้านใน (Medial Thigh) เป็นการแก้ปัญหาไขมันด้านในที่มักทำให้เกิดปัญหาขาเบียด ซึ่งต้นขาด้านในนั้นควรจะมีส่วนโค้งนูนบริเวณส่วนบน และเว้าบริเวณส่วนกลาง ก่อนจะกลับมานูนบริเวณช่วงหัวเข่าอีกครั้ง ที่อิสสวีร์ หมอพบว่าหลายท่านจะคิดว่าต้นขาในที่สวยคือการที่ไม่มีไขมันเลย แต่ที่จริงแล้วสิ่งที่สำคัญคือการมีส่วนเว้าส่วนนูนที่พอดี มีไขมันที่พอดี ต้นขาไม่เบียดกันมากกว่า
ขาแบบไหน ดูดไขมันต้นขาตรงไหน ?
มีปัญหาต้นขาแบบนี้ ต้องดูดไขมันต้นขาส่วนไหนออกบ้าง? หมอดูเป็นเคส ๆ ไป ว่าใครไหนมีปัญหาและความกังวลใจบริเวณไหนมากกว่ากัน และมีต้องการให้ต้นขามีลักษณะอย่างไร หลังดูดไขมันขา จากนั้นหมอก็จะมาประเมินว่าในแต่ละเคส เหมาะกับการดูดไขมันต้นขาจุดไหนบ้าง โดยการใช้เครื่องดูดไขมันอะไร และต้องยกกระชับผิวร่วมด้วยไหม เป็นต้นลองอ่านและเช็คแบบเบื้องต้นกันนะว่า ตัวเรานั้นกำลังมีปัญหาต้นขาแบบไหนอยู่กันบ้าง
ต้นขาด้านในเบียดแน่น เคสที่มีการสะสมของไขมันต้นขา บริเวณต้นขาด้านในเพียงอย่างเดียว เวลาที่เรายืนตรง แม้เราไม่ได้เอาปลายเท้าชิดกัน บริเวณใต้ขาหนีบจะมีก้อนไขมันอยู่ ซึ่งก้อนไขมันตรงนี้จะมีขนาดใหญ่ และทำให้เนื้อต้นขาของเราชิดกัน ยิ่งมีมาก ก็แสดงว่าเราจะต้องเจอกับปัญหาต้นขาเบียดมากนั่นเอง เลยทำให้เวลาเดินเนื้อต้นขาตรงนี้เบียดเสียดกัน ทำให้บริเวณขาหนีบมาสีคล้ำขึ้น มีความอับชื้น มีความร้อน ไม่มีการระบายอากาศ เลยทำให้เรารู้สึกอึดอัดได้ ดังนั้นจึงเหมาะกับกับการดูดไขมันต้นขาด้านใน
ต้นขาด้านนอกปลิ้นออกมา ส่วนใหญ่เคสที่มีเนื้อต้นขาปลิ้นออกด้านนอก จะเป็นคนที่มีหุ่นทรงลูกแพร์ (ตัวเล็กแต่บริเวณสะโพกใหญ่) คนกลุ่มนี้ จะมีการสะสมของไขมันบริเวณสะโพกมาก ทำให้บริเวณนี้ ดูไม่สมส่วนและรับกับสัดส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เคสแบบนี้สามารถเข้ามาให้หมอดูดไขมันต้นขาด้านนอก หรือดูดไขมันสะโพกออกให้ได้ อย่างไรก็ตาม อาจจะพิจารณาการดูดไขมันต้นขาด้านในออกด้วยครับ เพื่อให้ต้นขาดูสมส่วน และเหมาะสมกับหุ่นมากที่สุด
ต้นขาใหญ่ ทั้งด้านใน-ด้านนอก เคสดูดไขมันขาส่วนมาก จะเป็นเคสที่ต้นขาใหญ่รอบด้าน หรือมีการสะสมของไขมันอยู่ทั่วทั้งต้นขา เคสแบบนี้ หมอก็จะดูว่าโครงร่างเดิมของคนไข้เป็นยังไง (เป็นคนโครงร่างเล็กหรือใหญ่) มีกล้ามเนื้ออยู่มากแค่ไหน (ถ้ากล้ามเนื้อเยอะ ขาจะไม่เล็กลงมาก) มีปริมาณไขมันที่สามารถดูดออกมาได้เยอะไหม และมีโอกาสที่ผิวบริเวณต้นขาจะหย่อนคล้อยมากแค่ไหน เมื่อประเมินแล้ว หมอก็จะมีการวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมในแต่ละเคส
ดูดไขมันต้นขา กี่จุด? นับจุดยังไง?
คลินิกดูดไขมัน ต้นขาแต่ละที่จะมีความแตกต่างกันไป ทั้งในเรื่องของการนับตำแหน่งดูดไขมัน ราคาดูดไขมันต้นขา และอื่น ๆ อีกมากมาย เริ่มต้นตั้งแต่หลักพันต่อจุด ไปจนถึงหลักหมื่นต่อจุดเลย แต่ต้องระวังให้ดี เพราะจุดดูดไขมันต้นขาเป็นการนับจุด จากการเปิดแผลดูดไขมัน ไม่ใช่การเหมาบริเวณแต่อย่างใด!! ตัวอย่างการนับจุดดูดไขมันขา
- นับเป็นจุดของแผลดูดไขมัน
- นับแบบ 1 ฝ่ามือ = 1 จุด
- ดูดไขมันต้นขาด้านหน้า = 1 จุด
- ดูดไขมันต้นขาด้านหลัง = 1 จุด
- ดูดไขมันต้นขาด้านซ้าย = 1 จุด
- ดูดไขมันต้นขาด้านขวา = 1 จุด
- ดูดไขมันต้นขาด้านนอก (สองข้าง) = 1 จุด
- ดูดไขมันต้นขาด้านใน (สองข้าง) = 1 จุด
ต้นขาใหญ่เกิดจากอะไรได้บ้าง?
ปัญหาต้นขาใหญ่ ด้านสรีระร่างกาย ไม่ได้เกิดจากไขมันเพียงอย่างเดียว ยังเกิดได้จากปัจจัยอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสภาพผิวที่หย่อนคล้อย หรือกล้ามเนื้อขาก็ตาม สาเหตุที่ทำให้เกิดต้นขาใหญ่ทั้ง 3 สิ่งนี้ ไม่ได้ใช้วิธีการรักษาเดียวกัน ในแต่ละเคส ก็จะมีสาเหตุที่ทำให้เกิดต้นขาใหญ่แตกต่างกันไป เช่น บางคนต้นขาใหญ่ เพราะไขมันอย่างเดียว บางคนใหญ่ เพราะกล้ามเนื้อ หรือ บางคนมีต้นขาใหญ่ เพราะไขมันและผิวหย่อนคล้อย ก็สามารถเกิดขึ้นได้
ต้นขาใหญ่เพราะกล้ามเนื้อ คนที่มีต้นขาใหญ่เพราะกล้ามเนื้อ ส่วนมากจะเป็นเคสผู้ชาย เพราะผู้ชายจะมีการทำกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อขาบ่อยกว่าผู้หญิง เช่น การออกกำลังกาย หรือการวิ่งเป็นประจำ วิธีสังเกตว่าตัวเรามีกล้ามเนื้อเยอะแค่ไหน ให้ลองจับที่ต้นขาดูว่ามีความแข็งหรือความนิ่มมากกว่ากัน ถ้าจับแล้วมีความแข็งเยอะกว่า ก็แปลว่ามีกล้ามเนื้อเยอะ การดูดไขมันต้นขา อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร แนะนำให้เข้ามาพบหมอ เพื่อให้หมอดูต้นขาให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง จะได้แนะนำวิธีแก้ไขที่ตรงจุดที่สุด
ต้นขาใหญ่เพราะผิวย้วย สำหรับคนที่มีการสูบบุหรี่เยอะ , มีอายุ หรือ เคยลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็วมาก่อน อาจทำให้มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้นขาย้วยได้ เนื่องจากปัจจัยที่ได้บอกไป จะทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนน้อยลง ผิวขาดความยืดหยุ่น ไม่กระชับตัว จึงมีลักษณะที่ย้วยลงมาตามแนวโน้มถ่วงของโลก ลองจับใต้ขาดูว่า ผิวเป็นยืด ๆ แล้วไม่ค่อยหดตัวกลับรึเปล่า ? ถ้าเป็นเคสที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย แบบนี้ด้วย การดูดไขมันต้นขาอย่างเดียว อาจจะไม่ได้ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงมาก หมออาจจะแนะนำให้คนไข้ทำกระชับผิวเพิ่มด้วย
ต้นขาใหญ่เพราะไขมัน เคสดูดไขมันต้นขาส่วนใหญ่ จะเป็นเคสผู้หญิงนะ ด้วยกลไกตามธรรมชาติและพันธุกรรมของร่างกายผู้หญิง จะทำให้ไขมันสะสมได้ง่ายกว่าผู้ชาย อีกทั้งผู้ชายยังมีการออกกำลังกายอยู่เสมอ ทำให้ต้นขาใหญ่เพราะกล้ามเนื้อเป็นหลัก ไม่เหมือนผู้หญิงที่มีต้นขาใหญ่เพราะไขมันเป็นหลัก ซึ่งการดูดไขมันต้นขา จะช่วยลดปัญหาต้นขาใหญ่ได้อย่างตรงจุด (ขาใหญ่ตรงไหน ก็ดูดไขมันตรงนั้นออกมา) วิธีสังเกตไขมันต้นขา คือ ให้เรานั่งลองบนเก้าอี้ และวางขาให้ตั้งฉากกับพื้น เราก็จะเห็นได้ว่าต้นขาของเราห้อยลงมา จากใช้มือบีบไขมันดู ถ้าสามารถบีบไขมันขึ้นมาได้เยอะ ก็แสดงว่าเรามีไขมันต้นขา ที่ต้องการดูดออกมาเยอะเท่านั้นนั่นเอง
วิธีดูดไขมันต้นขามีแบบไหนบ้าง?
การดูดไขมันต้นขา สามารถทำได้โดย การใช้เครื่องดูดไขมันเข้ามาช่วยในการสลายไขมัน ซึ่งเครื่องดูดไขมันก็จะแบ่งหลัก ๆ ได้เป็น 2 แบบ คือเครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ และ เครื่องดูดไขมันพลังความร้อน โดยที่หมอจะดูว่าในแต่ละเคสต้องการต้นขาแบบใด , มีลักษณะของขาและไขมันยังไงบ้าง , เคสตัวเล็กหรือตัวใหญ่ และต้องการดูดไขมันทิ้ง หรือเอาไปไขมันไปเติมต่อ เป็นต้น จากนั้นหมอก็จะเลือกเครื่องดูดไขมันให้ตามความเหมาะสมของแต่ละเคส นอกจากนี้ ในบางเคสที่หมอดูแล้วว่า ต้นขาของคนไข้อาจจะมีความย้วยได้ หมอก็จะแนะนำให้คนไข้ยกกระชับผิวเพิ่มด้วย จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งการทำกระชับเพิ่มเติมหรือไม่ ก็จะขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคนไข้ด้วย ว่าต้องการทำกระชับเพิ่มไหม หากไม่สะดวก ก็สามารถเน้นการนวดกระชับสัดส่วน และสวมชุดกระชับแทนได้
เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ Body-jet เป็นเครื่องดูดไขมันที่ใช้เทคโนโลยีพลังน้ำ ฉีดพ่นเข้าไปที่ชั้นไขมัน ในรูปแบบพัด (Fan Shape) เพื่อให้เซลล์ไขมันที่ติดกันแน่น สลายตัวออกจากกันอย่างอ่อนโยน และถูกดูดออกมาอย่างนุ่มนวล ซึ่ง เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet เป็นนวัตกรรมใหม่จากเยอรมนี จะทำให้ได้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันต้นขาที่ดี อาทิ เสียเลือดน้อย บาดเจ็บน้อย ฟกช้ำน้อย บวมน้อย หายไว นอกจากนี้ยังสามารถนำไขมันไปเติมเต็มส่วนอื่นได้อีกด้วย
เครื่องดูดไขมัจากเกาหลี Ultra Z เป็นเครื่องดูดไขมันกลุ่มความร้อน ที่อาศัยพลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ เข้ามาช่วยสร้างความร้อน และสลายไขมันให้ตายไป เช่นเดียวกับ เครื่องดูดไขมันเวเซอร์ แต่เครื่องดูดไขมัน Ultra Z จะให้พลังงานความร้อนที่ต่ำกว่าเครื่องเวเซอร์ และสามารถใช้ดูดไขมันต้นขาได้ดี ในเคสที่มีชั้นไขมันบาง หรือเคสคนตัวเล็ก เนื่องจากการใช้เครื่องดูดไขมันเวเซอร์ กับเคสคนไข้ตัวเล็ก อาจทำให้เกิดปัญหาผิวคลื่นได้
เครื่องดูดไขมันพลังอัลตราซาวด์ VASER เป็นเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ชื่อว่า Vaser Smooth 2.2 เครื่องดูดไขมัน vaser รุ่นนี้ จะใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ มาสร้างพลังความร้อน และใช้ในการสลายไขมันต้นขา การใช้พลังงานความร้อน จะเกิดการทำลายเซลล์ไขมันสูงมาก ทำให้ไขมันตายลง และเปลี่ยนเป็นของเหลวแทน (น้ำมัน) จึงทำให้การดูดไขมันต้นขา ด้วยเครื่องเวเซอร์ ไม่สามารถเอาไขมันไปเติมต่อได้ เหมือนการใช้เครื่อง body-jet เครื่อง Vaser Smooth 2.2 เหมาะกับเคสที่มีไขมันหนาแน่น และมีพังผืดเยอะ
เครื่องดูดไขมันพลังงานกล (แรงสั่นสะเทือน) MICROAIRE PAL เป็นเครื่องที่นิยมใช้ในอเมริกา โดยมีคุณสมบัติเก็บไขมันได้ละเอียดมากขึ้น ซึ่งไม่ต้องอาศัยพลังงานความร้อนและพลังงานน้ำ แต่จะอาศัยแรงสั่นสะเทือนของเข็ม 4,000 รอบต่อนาที ในการสลายไขมันและทำการดูดออกด้วยท่อดูดไขมันชนิดพิเศษ นอกจากนี้ ยังนำมาใช้ร่วมกับเครื่องดูดไขมันชนิดอื่น ๆ อย่างการใช้ร่วมกับเครื่องเวเซอร์ (สลายไขมันก่อน) จากนั้นใช้เครื่อง MicroAire PAL ดูดไขมันออกมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บไขมัน และยังลดการใช้ความร้อนที่มาจากตัวเครื่องเวเซอร์ ซึ่งจะส่งผลให้ลดโอกาสที่ผิวจะไหม้ หรือเป็นคลื่นหรือบุ๋มได้อีกด้วย เครื่องดูดไขมัน MicroAire PAL ยังมีคุณสมบัติดูดไขมันในตำแหน่งที่ดูดได้ยาก เช่น แผ่นหลัง, น่อง ,หนอก, หน้าท้องบน หรือเคสที่เคยดูดไขมันขามาแล้วมีพังผืดเยอะ รวมไปถึงยังมีหัวดูดไขมันหลายชนิด (เปรียบเสมือนมีดแกะสลักหลายชนิด) ที่สามารถนำมาเหลาตกแต่งทำร่อง 11 ดูดไขมัน Sexy Line หรือปั้นเอวเอส หรือเหลาขาตะเกียบ ให้ออกมาเป็นรูปทรงสวยตามใจนึก
เครื่องดูดไขมัน BODYTITE PRO เป็นเครื่องที่เหมาะกับคนที่มีไขมันส่วนเกินไม่เยอะ, มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเพียงเล็กน้อย, ไม่มีปัญหาเรื่องผิวหย่อนคล้อย หรือคนที่ต้องการสลายไขมันส่วนเกินในตำแหน่งเล็ก ๆ เช่น เหนียง, กรอบหน้า, นมน้อย, ปีกหลัง หรือต้นขาด้านใน เป็นต้น โดยเครื่องดูดไขมัน BodyTite Pro มาพร้อมอุปกรณ์การรักษาถึง 3 แบบด้วยกัน แต่ละแบบจะมีขนาดและความเหมาะสมในการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันไป
- BodyTite อุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เหมาะกับการรักษาบริเวณลำตัว
- FaceTite อุปกรณ์ขนาดกลาง เหมาะกับการรักษาบริเวณเหนียงและกรอบหน้า
- ACCUtite อุปกรณ์ขนาดเล็กเทียบได้กับเข็มฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับการรักษาบริเวณเล็ก ๆ และทำได้ยากอย่างเช่น ใต้ตา คิ้ว ร่องแก้ม เหนียง ลำคอ หัวเข่า มือ ร่องหน้าท้อง หรือนมน้อย เป็นต้น
เครื่องดูดไขมัน BodyTite Pro จะใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ Radio Frequency Assisted Liposuction (RFAL) ในการสร้างพลังงานความร้อนที่ระดับอุณหภูมิ 40-60°C เพื่อสลายไขมันส่วนเกินและกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวกระชับเต่งตึงขึ้นนั่นเอง สำหรับใครที่มีปัญหาส่วนเกินที่ต้นขาด้านใน สามารถใช้เครื่อง BodyTite Pro ในการรักษาได้
กระชับผิวไม่ย้วย ด้วย J PLASMA (เจ พลาสมา) เป็นเครื่องยกกระชับสัดส่วน ช่วยกระชับผิวบริเวณต้นขาให้เรียบตึง แก้ปัญหาต้นขาหย่อนคล้อยอย่างตรงจุด ซึ่ง J Plasma เป็นนวัตกรมใหม่ล่าสุดจากอเมริกา ด้วยการใช้พลังความร้อนที่สูงถึง 85°C (สร้างโดยพลังงาน Helium Plasma และ Radio Frequency) ส่งตรงไปยังบริเวณที่ต้องการให้ผิวกระชับ จากนั้น ท่อพลังงานก็จะเย็นตัวลงในทันที ทำให้ผิวไม่ไหม้ และรู้สึกเจ็บน้อย สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ 10-30% ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็ว และช่วยลดผลข้างเคียงของการดูดไขมันต้นขาลงได้อีกด้วย
ขั้นตอนดูดไขมันต้นขา
ขั้นตอนการดูดไขมันต้นขา จะเริ่มจากการให้คำปรึกษาและวางแผนร่วมกับคนไข้ จากนั้นหมอก็จะให้เจ้าหน้าที่ประสานงานนัดวันดูดไขมันต้นขาไป เมื่อถึงวันดูดไขมันต้นขา หมอก็จะอธิบายให้คนไข้ฟังว่า หมอจะดูดไขมันต้นขาจากจุดไหนบ้าง ต้นขาจะมีลักษณะอย่างไร และมีการเปิดแผลกี่ตำแหน่ง ซึ่งขั้นตอนต่อไปคือการเริ่มเคสดูดไขมันต้นขาในห้องผ่าตัด
- ใส่ Tumescent เป็นสารน้ำที่หมอจะใส่ในขั้นตอนแรกของการดูดไขมันต้นขา เพื่อให้ชั้นไขมันใต้ผิวหนังของเราขยายตัวออก และถูกแทนที่ด้วย Tumescent ที่หมอใส่เข้าไป เพื่อให้เส้นเลือดและเส้นประสาทหดตัวลง และลอยตัวอยู่ในชั้นไขมัน ข้อดีของการใส่ Tumescent คือ ทำให้ระหว่างดูดไขมันขา มีการเสียเลือดน้อยลง, ลดความเจ็บลง, มีอาการหลังดูดไขมันน้อย และใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน โดย Tumescent นั้น จะประกอบไปด้วยน้ำและ ยาชา Adrenaline และตัวยาอื่น ๆ แล้วแต่คลินิก
- สลายไขมันส่วนเกิน ทำได้โดยการใช้เครื่องดูดไขมันเครื่องต่าง ๆ เครื่องดูดไขมันจะช่วยให้หมอดูดไขมันต้นขาได้ง่ายขึ้น และไม่ต้องใช้เวลานานเหมือนเมื่อก่อน นอกจากนี้ ทุกเคสที่ดูดไขมันต้นขากับหมอ หมอจะมีการออกแบบสัดส่วนให้ ว่าในแต่ละเคสเหมาะกับรูปขาแบบไหน หมอจะดูดไขมันขาออกมาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ดูดไขมันขาออกมาจนเกลี้ยง และไม่ได้ดูดไขมันขาออกมาน้อยเกินไป ซึ่งหมอจะเน้นความสวยงาม และความเหมาะสมเป็นหลัก
- เย็บแผล รีดน้ำ สวมชุดกระชับ หลังจากที่หมอดูดไขมันต้นขาให้คนไข้เสร็จแล้ว หมอจะรีดน้ำออกจากร่างกายออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อทำให้คนไข้ไม่มีอาการบวมมาก จากนั้นหมอจะเย็บปิดปากแผลไว้ 1 เข็มนะ เพื่อให้น้ำยังสามารถระบายออกมาได้ด้วย และขั้นตอนสุดท้าย คือหมอจะให้เจ้าหน้าที่สวมชุดกระชับหลังดูดไขมันต้นขาให้ทันทีเลย เพราะการใส่ชุดกระชับสัดส่วนนั้น ยิ่งใส่เร็วและนานแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้ผิวกระชับดี
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันต้นขา
สำหรับการเตรียมตัวก่อนดูดไขมันต้นขา ถ้าไม่อยากให้หลังดูดไขมันขามีอาการข้างเคียงเยอะ ควรมีการเตรียมตัวตามที่หมอแนะนำให้พร้อม เนื่องจากการเตรียมตัวก่อนดูดไขมันต้นขาที่ดี จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันต้นขาที่ดีด้วย ซึ่งการดูดไขมันต้นขา ทำได้สองวิธี ทั้งการใช้ยาชา และการวางยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์
ดูดไขมันต้นขาด้วยยาชา
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- ทานอาหารก่อนมา คลินิก 3 ชั่วโมง
- งดการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม
- ใส่เสื้อผ้าสีเข้ม หลวม ๆ
- พาญาติมาด้วย 1 คน (ห้ามกลับเอง)
ดูดไขมันต้นขาด้วยยาสลบ
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชม.
- งดดื่ม, กินอาหารทุกชนิด อย่างน้อย 8 ชม.
- งดสูบบุหรี่ทุกชนิด อย่างน้อย 8 ชม.
- ตัดเล็บมือให้สั้น, เช็ดสีเล็บออก 1 เล็บ
- ถอดเครื่องประดับทุกชนิด
- งดแต่งหน้า, ทาครีมที่ใบหน้า
- งดการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม
- ใส่เสื้อผ้าสีเข้ม หลวม ๆ
- พาญาติมาด้วย 1 คน (ห้ามกลับเอง)
หลังดูดไขมันต้นขา มีแผลตรงไหนบ้าง ?
หมอจะมีการใช้เทคนิคซ่อนแผลในร่มผ้า เพื่อให้มองเห็นแผลได้ยากที่สุด และเปิดแผลขนาดเล็ก ประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ส่วนตำแหน่งในการเปิดแผลดูดไขมันต้นขา ก็จะต้องมาดูว่าในเคสนั้น ๆ ดูดไขมันตำแหน่งไหนบ้าง และมีปริมาณไขมันต้นขาเยอะแค่ไหน ถ้าเป็นเคสที่ต้นขาใหญ่มาก ๆ หมออาจจะมีการเปิดแผลดูดไขมันเพิ่ม เพื่อให้สามารถเก็บไขมันในส่วนที่ต้องการได้
- ดูดไขมันต้นขาด้านใน : แผลจะอยู่บริเวณขาหนีบ ตรงขอบกางเกงชั้นใน
- ดูดไขมันต้นขาด้านนอก : แผลจะอยู่ใกล้ ๆ กับสะโพกด้านหน้า โดยจะซ่อนอยู่ใต้ขอบกางเกงใน
- ดูดไขมันหัวเข่า (สำหรับเคสที่มีไขมันรอบหัวเข่าเยอะ) : แผลจะอยู่เหนือหัวเข่า
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันต้นขา (1 เดือนแรก)
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันต้นขาที่ดี จะช่วยลดอาการเจ็บ อาการบวมช้ำลง และทำให้ต้นขาของคนไข้ออกมาเหมือนต้นขาในฝันที่ต้องการ ไม่มีปัญหาผิวคลื่นบุ๋ม หรือก้อนแข็งใด ๆ
- กินยาตามที่หมอให้ไปตามคำแนะนำ (ประกอบไปด้วยยาลดบวม, ยาแก้ปวด, ยากแก้อักเสบ และยาฆ่าเชื้อ)
- แนะนำให้ทาน Vitamin C และ Vitamin B Complex เพิ่ม เพื่อให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น
- มีการทำความสะอาดแผลทุกวัน จนกว่าแผลจะแห้งและตัดไหม
- ห้ามให้แผลโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม หากเหงื่อออกมากหรือแผลเปียกชื้น ให้เปลี่ยนผ้าก็อซใหม่ทันที
- ไม่แนะนำให้ใช้พลาสเตอร์กันน้ำปิดแผล เพราะอาจทำให้แผลชื้นและติดเชื้อได้
- ดื่มน้ำวันละ 1-2 ลิตร สามารถดื่มเกลือแร่ได้ หากมีอาการอ่อนเพลีย (แต่อย่าดื่มเยอะ เพราะจะบวมกว่าเดิมได้)
- หลีกเลี่ยงอาหารไม่สะอาด อาหารทะเล อาหารเค็ม ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารที่มีน้ำตาลสูง
- หลีกเลี่ยงการใช้แรงขา หรือ ออกแรงบริเวณต้นขาไปก่อน เช่น การวิ่ง หรือ การเดินระยะไกล
- สวมชุดกระชับต้นขา 18-20 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งในระหว่างวันสามารถปลดตะขอเพื่อคลายชุดกระชับได้ ประมาณครั้งละ 30-60 นาที ทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาแผลกดทับ
- เคลื่อนไหวร่างกายช้า ๆ ในทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และป้องกันไม่ให้แผลตึงรั้ง
- ออกกำลังกายเบา ๆ หลังจากดูดไขมันต้นขามาแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อลดการสะสมของไขมัน
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้สูง แผลผ่าตัดบวมแดงร้อน คลื่นใส้อาเจียนมาก มีแผลจากการใส่ชุดกระชับ ให้รีบมาพบแพทย์
ดูดไขมันต้นขา พักฟื้นกี่วัน?
โดยอาการบวม และ ระยะเวลาในการพักฟื้นของแต่ละเคสจะไม่เท่ากัน ด้วยปัจจัยด้านร่างกายของคนไข้เอง รวมไปถึงปัจจัยเรื่องการดูแลตัวเอง และการเลือกใช้เครื่องดูดไขมันด้วย ถ้าดูดไขมันต้นขาด้วยเครื่อง body-jet จะใช้เวลาพักฟื้นเพียง 1-2 วันเท่านั้น (บางเคสไม่ต้องพักฟื้น) มีอาการบวมไม่นาน ส่วนเคสที่ดูดไขมันต้นขาด้วยเครื่อง Ultra Z หรือ Vaser Smooth 2.2 จะมีความระบมช้ำมากกว่า มีการอักเสบจากภายในมากกว่า เลยทำให้บวมมาก และใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 5-7 วัน
ผลข้างเคียงหลังดูดไขมันต้นขา
การดูดไขมันต้นขา มีผลข้างเคียงหลังดูดไขมันต้นขา แต่ก็จะไม่ได้รุนแรง สามารถแก้ไขและป้องกันได้ด้วยตัวคนไข้เองด้วย อาการหลังดูดไขมันต้นขาที่พบได้ คือ
- อาการเวียนหัวคลื่นไส้ อาเจียน สามารถบรรเทาได้โดยการดื่มน้ำในปริมาณมาก เพื่อให้ร่างกายขับยาชาออกมาในรูปแบบปัสสาวะ และช่วยทดแทนน้ำที่เสียไประหว่างดูดไขมันต้นขาได้
- แผลติดเชื้อ เกิดขึ้นได้น้อยมากในปัจจุบัน สามารถเกิดขึ้นได้จากการกินอาหารที่หมอห้าม ไม่ยอมทำความสะอาดแผล และกินยาฆ่าเชื้อตามที่หมอแนะนำ ปกติแล้วการทานยาฆ่าเชื้อก็สามารถช่วยได้
- ดูดไขมันเป็นไตแข็ง ๆ ใต้ผิว ก้อนแข็งนี้จะค่อย ๆ นิ่มลงเอง หรือสามารถใช้ตัวช่วยได้ เช่น การใส่ชุดกระชับ , นวดลดก้อนแข็งด้วย Thermatight หรือประคบอุ่น
- Seroma คือ การที่ร่างกาย สร้างน้ำมาทดแทนช่องว่าง น้ำสามารถหายไปได้เอง หรือ ถ้ามีเยอะ ก็เข้ามาให้หมอเจาะออกให้ได้
- ดูดไขมันผิวเป็นคลื่น เกิดจากการที่แพทย์ดูดไขมันต้นขาเยอะเกินไป ดูดไขมันผิดจุด ทำให้ผิวเป็นคลื่น ขรุขระไม่เรียบเนียน สามารถแก้ไขได้โดยการนวดกระชับผิวสลายไขมัน, การฉีดไขมันเข้าไป หรือการดูดไขมันต้นขาเพิ่ม เป็นต้น
ดูดไขมันต้นขา น้ำหนักลดไหม?
ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับ ว่าการดูดไขมันต้นขาเป็นการลดสัดส่วน (ทำให้ต้นขามีขนาดเล็กลง) ไม่ได้ทำให้น้ำหนักของเราลดลงด้วย เพราะมวลไขมันนั้นจะมีน้ำหนักที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับกล้ามเนื้อ อีกทั้งต้นขาไม่ได้เป็นส่วนที่มีไขมันมาก ถึงขนาดที่จะทำให้น้ำหนักลดลงไปได้ครับ (ถ้าดูดไขมันทั้งตัว มีโอกาสที่น้ำหนักจะลดลงได้บ้าง เพราะดูดไขมันออกไปในปริมาณมาก) หากต้องการลดน้ำหนัก เพื่อให้สุขภาพร่างกายของเราดีขึ้น ก็สามารถใช้ตัวช่วยอย่าง Amara Pen ได้ครับ
ต้องรู้อะไรบ้าง ก่อนการดูดไขมันต้นขา
ก่อนที่จะเลือกว่าเราจะไป ดูดไขมันที่ไหนดี ควรหาข้อมูล และตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ก่อน เพราะตอนนี้มีคลินิกดูดไขมันต้นขาค่อนข้างเยอะมาก มีทั้งคลินิกที่ได้มาตรฐาน และไม่ได้มาตรฐานปะปนกันไป การพิจารณาเลือกคลินิกดูดไขมันต้นขา จะช่วยคัดกรองให้เราได้เข้าไปดูดไขมันต้นขากับคลินิกที่ดี มีมาตรฐาน มีความปลอดภัย และทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ซึ่งปัจจัยที่จะแนะนำให้ตรวจสอบ ก่อนเลือกว่าจะเข้าไปดูดไขมันต้นขาที่ไหนดี มีดังนี้
- ความน่าเชื่อถือของคลินิกดูดไขมัน
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์ดูดไขมัน
- แพทย์ให้คำปรึกษาอย่างตรงจุด
- แพทย์แนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสม
- ประสบการณ์และผลงานของแพทย์
- มีรีวิวดูดไขมันต้นขาเยอะ หลายไซซ์
- เจ้าหน้าที่เต็มใจให้บริการเต็มที่
- มี After Care ดูแลหลังดูดไขมันต้นขา
- ห้องผ่าตัดได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย
- มีวิสัญญีแพทย์สำหรับวางยาสลบหรือไม่
- มีความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคอยู่เสมอ
- ราคาดูดไขมันต้นขาสมเหตุสมผล
- ใส่ใจดูแล ทั้งก่อนและหลังดูดไขมันต้นขา
ฉีดโบท็อกลดน่อง คืออะไร
โบท็อกลดน่อง คือ การใช้สาร Botulinum toxin ฉีดเข้าไปยังกล้ามเนื้อ Gastrocnemius บริเวณน่อง โดยโบท็อกจะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อน่องที่ใหญ่มีขนาดเล็กลง ในการฉีดหมอจะฉีดเฉพาะกล้ามเนื้อน่องบางส่วน ในปริมาณที่เหมาะสม จึงไม่ส่งผลต่อการยืน หรือเดิน เพราะยังมีกล้ามเนื้ออื่น ๆ พยุงอยู่ การฉีดโบท็อกน่อง เป็นวิธีลดน่องที่หลายคนให้ความสนใจ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องยืนเป็นเวลานาน ๆ ต้องสวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำ รู้สึกว่าน่องปูด น่องใหญ่ขึ้น จนไม่มั่นใจ การฉีดโบท็อกน่องจึงเป็นวิธีลดน่องที่จะช่วยให้ขาเรียวสวยขึ้นได้ และไม่เห็นกล้ามเนื้อน่องเป็นมัด
สาเหตุที่ทำให้น่องใหญ่มีอะไรบ้าง ?
- การสวมส้นสูงเป็นประจำ เมื่อเวลาเราสวมส้นสูงจะทำให้ปลายเท้าเป็นส่วนที่รับน้ำหนักตัวเกือบทั้งหมดและเขย่งตลอดเวลา ทำให้กล้ามเนื้อน่องต้องทำงานหนักขึ้น จนน่องเกร็งเป็นลูกขนาดใหญ่ขึ้น
- การยืนเป็นเวลานาน ๆ หากต้องยืนเป็นเวลานานๆ หลายวันติดต่อกัน จะทำให้กล้ามเนื้อขาแข็งตึงและมีขนาดใหญ่ขึ้นได้
- การนั่งไขว่ห้าง หลายคนมักจะนั่งไขว่ห้างเป็นประจำ ซึ่งการนั่งท่านี้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ จะทำให้เส้นเลือดที่ขาหดเกร็งและเลือดไหลเวียนไม่สะดวก เนื่องจากเกิดการกดทับที่ขา จึงเกิดการสะสมของไขมันและกล้ามเนื้อน่องใหญ่ขึ้นได้
- การออกกำลังกายบางประเภท ในการออกกำลังกายที่เน้นใช้แรงต้านกล้ามเนื้อขา เช่น การปีนป่าย การปั่นจักรยานด้วยการใช้เกียร์หนัก จะส่งผลให้กล้ามน่องแข็งแรงขึ้นและมีขนาดใหญ่ขึ้น
ฉีดโบท็อกลดน่อง ต้องใช้กี่ยูนิต ? ใช้ยี่ห้อไหน ?
โดยทั่วไปแล้ว หากต้องการให้น่องเล็กลงมาก ๆ อาจจะต้องใช้ยูนิตเยอะมากถึง 500-600 ยูนิตต่อขา 1 ข้าง แต่ร่างกายของคนเราไม่สามารถรับโบท็อกปริมาณมากเกิน 300 ยูนิตได้ ระยะ 3 เดือน และ ถ้าฉีดครั้งเดียวมากเกินไป จะส่งผลต่อการยืนและเดินได้ หมอจึงแนะนำให้ค่อย ๆ ทยอยฉีดเพียงครั้งละ 200 ยูนิต ส่วนยี่ห้อโบท็อกที่เหมาะสำหรับฉีดน่อง หมอแนะนำโบท็อก Allergan เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ออกฤทธิ์เน้นสำหรับกล้ามเนื้อ ยากระจายตัวแคบ มีความแม่นยำ ได้ผลดีและมีความบริสุทธิ์มาก ช่วยลดโอกาสในการดื้อโบท็อกเพราะต้องฉีดปริมาณเยอะ
ข้อดี vs ข้อเสีย ฉีดโบท็อกซ์ลดน่อง
ข้อดี โบท็อกน่อง
- เหมาะสำหรับคนที่อยากแก้ไขน่องใหญ่แบบไม่ต้องผ่าตัด
- ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดใช้ชีวิตตามปกติ
- เห็นผลดีในการลดขนาดกล้ามเนื้อให้เล็กลง
ข้อเสีย โบท็อกน่อง
- ต้องใช้โบท็อกปริมาณมาก ราคาสูงตามจำนวนโบท็อกที่ใช้
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร
- แพทย์ที่ฉีดต้องชำนาน เพื่อให้น่องสองข้างเท่ากัน
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกลดน่อง
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกลดน่อง
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เปิดอย่างถูกต้อง ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณะสุข
- แพทย์มีประสบการณ์ สามารถประเมินการใช้ปริมาณยาได้อย่างเหมาะสม
- ฉีดโบท็อกแท้ ที่สามารถตรวจสอบได้ แพทย์แกะกล่อง ผสมยาให้ดูต่อหน้า
- ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ในแหล่งที่เป็นกลางและน่าเชื่อถือ
- รับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุ zinc 50 mg ก่อนและหลังการฉีดโบท็อก ช่วยให้โบท็อกออกฤทธ์ไวขึ้น และช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้น
ข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกน่อง
- หลังฉีดโบท็อก ควรขยับกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดทันทีเป็นเวลาประมาณ 30 นาที เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและงดออกกำลังกาย เช่น เข้าซาวน่า ตากแดด เป็นเวลา 3 วัน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และอาหารหมักดอง เป็นเวลา 3 วัน
- หากต้องการให้กล้ามเนื้อยุบลงมากขึ้น สามารถมาฉีดเพิ่มได้แต่ควรเว้นระยะอย่างน้อย 3 เดือน
5 เคล็ดไม่ลับ สร้างความมั่นใจ ให้ขาสวยเรียวและกระชับ
- การเดิน ทำไมสาวเกาหลีส่วนใหญ่ถึง ขาสวย เรียวเล็กก็เพราะว่าพวกเขาเดินกันเยอะมาก ยิ่งประเทศเกาหลีมีพื้นที่เป็นเนิน ทางลาดชันเยอะมาก ไม่แปลกเลยที่สาวเกาหลีจะเรียวขากระชับสวย ซึ่งสาวไทยอย่างเราก็สามารถทำตามได้นะ แต่ถ้าไม่อยากเดินตามท้องถนนเพราะสภาพอากาศบ้านเราร้อนเกินไป ลองเปลี่ยนมาเดินขึ้นบันไดแทนการขึ้นลิฟท์ก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่แพ้กัน
- ไม่นั่งไขว้ห้างบ่อยจนเกินไป เชื่อว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องชอบนั่งไขว้ห้างกันแน่นอน แต่รู้ไหมว่าการนั่งไขว้ห้างเป็นเวลานาน จะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็ คือ อาการเส้นเลือดขอด นอกจากนั้นการนั่งไขว้ห้างยังทำให้ขาใหญ่ น่องปูด อีกด้วย เพราะเมื่อเรานั่งไขว้ห้างเป็นระยะเวลานาน เลือดบริเวณข้อต่อและต่อมน้ำเหลืองจะถูกกดทับ ทำให้ไหลเวียนไม่สะดวก ดังนั้นไม่ควรนั่งไขว้ห้างนานจนเกินไปหรือควรเปลี่ยนทางนั่ง หากนั่งไม่สะดวกนั่นเอง
- ออกกำลังกายเฉพาะส่วนช่วยได้ ปัญหาเกี่ยวกับขาใหญ่ อยากให้ขาเล็กเรียว ลองออกกำลังกายเฉพาะส่วน เช่น การปั่นจักรยานอากาศ เน้นท่าออกกำลังกายที่เกร็งส่วนขาเป็นพิเศษ สามารถช่วยให้ขากระชับขึ้น ซึ่งการออกกำลังกายเฉพาะส่วน สามารถออกได้ตลอดทั้งวัน เพียงขยับขาสลับกันก็ช่วยให้ไขมันไม่ไปสะสมที่ขา หากทำเรื่อยๆ รับรองว่าขาสวยขึ้นแน่นอน
- เทอร์มาจ (Thermage) ส่วนใครที่มีปัญหาต้นขาใหญ่ อยากจบปัญหาขาใหญ่แบบรวดเร็วทันใจ อีกนึงตัวเลือกคือ เทอร์มาจ ซึ่งเป็นนวัตกรรมการยกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุ (RF:Radio Frequency) โดยการปล่อยความร้อนลงสู่ชั้นผิวหนังแท้ โดยเป็นชั้นที่อยู่ของไขมันและคอลลาเจน ทำให้คอลลาเจนถูกกระตุ้นอย่างทันที จึงเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ช่วยให้ผิวกระชับ สัดส่วนดูเล็กลง ลดผิวหย่อนคล้อยแถมยังช่วยลดเซลลูไลท์ได้ดีอีกด้วย โดยเทอร์มาจจะมีหัวพิเศษโดยเฉพาะ เรียกว่า Thermage Body ซึ่งหัวจะใหญ่กว่าและลงได้ลึกกว่าหัวที่ทำบนใบหน้า เทอร์มาจจะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากกว่า ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น การทำเทอร์มาจ (Thermage) จะเห็นผลลัพธ์อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 2-3 เดือน และสามารถคงอยู่ได้นานถึง 1-2 ปีขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล
- โบท็อกซ์ (Botox) แม้ว่าการออกกำลังกายจะช่วยทำให้หุ่นดูเรียวกระชับขึ้น แต่ถ้าบางคนออกกำลังกายผิดวิธีหรือออกกำลังกายหนักจนเกินไป แทนที่ขาจะเรียวเล็กก็อาจส่งผลทำให้น่องปูดกว่าเดิมได้ เพราะกล้ามเนื้อขาแข็งแรงขึ้นแต่ไม่ต้องหมดหวังไป เพราะเราสามารถแก้ปัญหานี้ได้แบบง่ายๆ ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) โบท็อกซ์ หรือ Botulinum Toxin Type A เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ที่สกัดจากแบคทีเรีย Clostridium Botulinum สามารถช่วยลดริ้วรอย ลดขนาดกล้ามเนื้ออีกทั้งยังช่วยลดเหงื่อได้อีกด้วยโดยการฉีดโบท็อกซ์บริเวณน่องจะเห็นผลหลังจากฉีดไปประมาณ 2-3 เดือน จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือนแล้วแต่ละบุคคลและขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำอีกด้วย หากเผลอใช้งานกล้ามเนื้อขาหนักก็จะกลับมาใหญ่เร็วขึ้นนั่นเอง
เพียง 5 วิธีง่ายๆ ไม่ว่าใครก็สามารถมีเรียว ขาสวย ได้ ลองเลือกวิธีที่เหมาะกับความต้องการของตัวเองรับรองว่าต่อจากนี้จะใส่ได้ชุดสวย ตามเทรนด์เสื้อผ้าได้อย่างมั่นใจแล้ว ไม่ต้องกลัวขาใหญ่ ขาตัน น่องปูดอีกต่อไป ส่วนใครที่อยากลองทำเทอร์มาจ (Thermage) หรือ ฉีดโบท็อกซ์ (Botox) แนะนำให้ลองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เลย เพื่อคำแนะนำที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น